"หมอดูศาสตร์แม่มด" ในโลกโซเชียลกำลังพูดถึงกันอย่างหนักสำหรับเรื่องเล่าสุดหลอนจากรายการ เดอะโกสท์เรดิโอ เทปวันที่ 29 กันยายน 2567 ตอน ทำไมดูเป็นคนดีจัง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจาก คุณปอย มาแชร์ประสบการณ์ในครั้งที่ตนเคยหลงเชื่อไปดูดวงกับ หมอดูแม่มด ใช้ศาสตร์การทำนายผ่านใบชา ก่อนจะถูกทำของใส่เกือบเสียชีวิต แต่เคราะห์ดีมีพระอาจารย์ทักและแก้ไขให้ทันเวลา ปัจจุบันมีคนเข้าไปฟังเรื่องราวดังกล่าวแล้วมากถึง 2.5 ล้านวิวในเวลาเพียง 3 วัน
หมอดูกากชา ศาสตร์ของเค้าในการดู คือเป็น ศาสตร์แม่มด ดูจากกากชาก่อน ในบ้านมีใบเซอร์จากต่างประเทศ แล้วสำรับไพ่เป็นไพ่แม่มด ไพ่ที่อ่านยากมาก และแม่หมอก็พูดเพราะน่ารัก ปากหวาน ดูเค้าเอ็นดูเรา ถามว่าแม่นไหมก็แม่น
หมอดูขโมยดวงได้จริงไหม ทีนี้มาฟังในด้านฐานะ หมอดู ประสบการณ์ 40 ปี อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม ในคำนิยามไว้ว่า....
คำว่า หมอดู คือสร้างคำพูดออกมาเอง จินตนาการได้หมด บางทีก็เอาซีนมาเป็นของตนเอง หรือสร้างความเป็นกระแส เอามาให้ตนเองเก่ง ตนเองทำได้ ก็อย่างที่หลายๆคนอยู่บนโลกใบนี้มีทั้งคนเข้มแข็ง คนเข้มแข็งเขาก็จะเชื่อความสามารถของตนเอง ไม่อ่อนแอ ทำได้ทุกๆอย่างก็จะไม่เชื่อใครๆทั้งนั้น และอีกกลุ่มก็คือคนอ่อนแอ คนที่หาที่พึ่งทางด้านจิตใจ ก็จะเชื่อและแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ใครพูดมาก็จะเชื่อหมด ยิ่งหมอดูมีชื่อเสียง แต่ขาดคุณธรรมสร้างคอนเทนต์อย่างเดียว ก็จะแสวงหาคำพูดต่างๆนานานำมาเป็นคำพูดของตนเอง เรียกว่ามีได้ทั้งนั้น แต่หมอดูที่เข้าใจโลก เข้าใจทุกๆอย่างก็จะเรียนรู้และนำมาสอนทุกๆคนด้วยใจอันบริสุทธิ์ เพราะสุดท้ายหมอดูหรือคน ก็จะเข้าใจตนเอง ตัวเองไปตามวัย อายุของหมอดูคนคนนั้นเช่น อิ่มตัว ตามวัยหมอดูที่แก่ ก็จะเริ่มปลง วิ่งหาความสุขทางกาย เพราะจะเข้าวัย จะไม่เหมือนหมอดูเด็ก วัยแรกเอาชนะทุกๆอย่าง คิดเพื่อให้ตนเองเป็นหนึ่ง ไฟแรง เข้าวัยที่กำลังต้องการชื่อเสียง ความสำเร็จ เป้าหมาย แข่งขัน ยิ่งยุคปัจจุบันชิงหน้าสื่อ และแสง ก็จะไวต่อความคิด นำทุกๆอย่างมาเป็นคอนเทนต์ แตกต่างจากอดีต หมอดูจากอดีตก็ช้า กว่าจะรู้ข่าวแต่ละข่าวก็รอทีวีลง หนังสือพิมพ์ลงข่าวในวันรุ่งขึ้น ปัจจุบันมีสื่อออนไลน์ทุกๆที่มุมโลก ก็สามารถคิดและสร้างอะไรมาไว ต่อเวลา ภาษาพูด คำว่าขโมย จึงสามารถใช้ในยุคปัจจุบันได้ แต่พอถึงเวลาก็จะเข้าใจในวันเวลาดำเนินไป ในแต่ละยุค จึงเปรียบเสมือนว่า กาลเวลาเป็นสิ่งที่แต่ละยุคคิดไม่เหมือนกัน ตามเทคโนโลยี ปัจจุบันจึงแตกต่างกับอดีต
ในปัจจุบัน ผมได้ทำนายไปว่า ยุคต้มยำหมอดู กำลังจะเกิดนะ ทายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว บอกว่าปีนี้หมอดูดวงแตกนะ จะโดนชำแหละ หลายๆคนงง อะไรคือ ต้มยำหมอดู เธอเคยเห็นต้มยำกุ้งไหมในยุค ปี พ.ศ.2540 - 2542 ยุคนั้นคนจะแห่ทำนากุ้ง อะไรก็ทำกุ้ง พอถึงเวลาคนทำเยอะรายได้ก็จะตก และเมื่อถึงเวลา ต้มยำหมอดู หมอดูก็จะเต็มประเทศ คนก็จะเริ่มยี้หมอดู ยิ่งหมอดูใช้เงินเป็นหลักเพื่อให้ตนเองได้ รายการทีวี ได้สื่อ เต็มหน้าสื่อ เรียกว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร เพราะสื่อก็จะมีหมอดูเป็นของตนเอง ซึ่งก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่ไม่มีก็คือประสบการณ์ สิ่งที่มีคือความรู้เพื่อให้ตนเองได้มา ก็จะคล้ายปัญญาที่จะมีแต่การเอาชนะ หรือเรียกว่า “ คอนเทนต์ที่เหนือกว่า ” โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้บริโภค ผู้บริโภคก็คือคนดู ไม่รู้จะดูใคร มันจึงกลายเป็นอิ่ม เอียน เบื่อ และเริ่มยี้ออกมา ตอนนี้แหละก็จะมีคนเริ่มจะมาจัดการ จัดระเบียบ จัดทุกๆอย่าง จริงๆ หมอดูจะขายแต่ความเหนือ แต่ลืมบอกไปว่า ทุกๆอย่างก็เพื่อปากท้องของตนเอง หมอดูเป็นง่าย แค่ตกงาน ไม่มีงาน ก็ต้องหัวชนฝา อะไรก็ต้องทำ ถามว่าผิดไหม ตอบไม่ผิดครับ เพราะทุกๆคนดิ้นรนที่จะเอาตัวรอด ผมได้เขียนและอธิบายว่า ประเทศไหนมีหมอดูเยอะแสดงว่าประเทศนั้นกำลังหนักสุด ประเทศไหนมีหมอดูน้อยประเทศนั้นร่ำรวย คนก็ไปแปลเจตนาผมผิด บอกว่าเอาอะไรมาวัด หาว่าผมโง่ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมทำอาชีพนี้และอยู่ตรงนี้มามากถึง 40 กว่าปี จากผมอายุ 51 ปี เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ผมก็จะบอกว่า อาชีพหมอดูจริงๆ ไม่มีใครอยากเป็น หากมันไม่กำลังจะอดตาย หรือไม่มีหนทาง หากคนเราไม่สุดๆจริงไม่มีใครอยากเป็น นอกจากชอบและค้นหา ส่วนประเทศที่เขาร่ำรวย อาชีพอะไร อะไรเขาก็ทำได้ ค้าขาย อสังหาริมทรัพย์ ทุกๆอย่่างสามารถทำแล้วร่ำรวย ก็จะไม่ค่อยมีคนทุกข์ลูกค้าหมอดูก็จะไม่ค่อยมี หรือมีก็ขะมีแค่มาหาเนื้อคู่ มาดูลูกหลาน มาดูสุขภาพ นอกนั้นประเทศนั้นมีแต่ประชากรที่ทำอะไรก็ได้ดี แต่ประเทศที่มีหมอดูเยอะ แปลว่าพวกเขาทุกข์ เขาลำบาก หลายๆอาชีพไปต่อไม่ได้ ประชากรตกงาน ลำบาก ทุกๆภาคส่วนลดลง เจ้าของธุรกิจต้องขายกิจการ ลดตำแหน่งลงหมดทุกๆสถานะ นั่นเกิดจากการบริหารผิดพลาด หลายๆส่วน ส่วนแรกคือ ไล่หาบเล่แผงลอยออกจากทุกๆมุมถนน เพราะสกปรก จัดระเบียบใหม่ให้ไปอยู่ในส่วนที่จัดเอาไว้ให้ ซึ่งแปลว่ามีน้อยมาก และส่วนที่จัดเอาไว้มีขาใหญ่อยู่ ขาใหญ่ที่พร้อมที่จะกินหัวคิวหรือเสือนอนกิน ประชากรที่ไม่มีความสามารถสู้ได้ ก็อดทำมาหากินบ้างก็ล้มหายตายจากไป ซึ่งหลักความเป็นจริงทุกๆประเทศมีหาบเล่แผงลอย หรือประชาชนชั้นรากหญ้า หรือมดงาน เพราะเปรียบเสมือนกระปุกออมสินขนาดใหญ่เมื่อนับทั้งแผ่นดินแล้วทุกๆประเทศมีหมดทั่วโลก และตรงนี้แหละเป็นการส่งเม็ดเงินไปหาธุรกิจชั้นกลาง คนส่งเงินไปให้ชนชั้นกลาง และชนชั้นกลางส่งไปให้ชนชั้นผู้บริหารระดับใหญ่ทั่วประเทศ เราเรียกกลไกลของเงิน ทั่วโลกมีหมดทั้งสิ้น ไม่มีใครกล้าที่จะตัดชนชั้นนี้ เพราะหากตัดออกไปเขาจะช่วยตนเองไม่ได้ และกลับมาเป็นภาระ และก็หมดเฟืองสำคัญเหลือน้อยก็ทำให้เครื่องจักรนั้นชำรุดพังลง ระยะเวลาที่เราเจอมา ทุกๆธุรกิจล้มลงไม่เป็นท่า ประกอบกับประเทศที่มีอำนาจการเงินมากกว่าเข้ามา ทำการค้าที่เหนือกว่าด้วยกลยุทธ์เราจึงหนัก และนี่แหละที่มาของคนกลายมาเป็นหมอดู และยุคต้มยำหมอดูกำลังจะเกิดขึ้น กับทุกๆคน ผู้คนเริ่มออกมาต่อต้าน เพราะเบื่อการแย่งอาชีพ แย่งซีน แย่งความเก่งก็เพื่อปากกัดตีนถีบ เพราะใครดังก็เท่ากับเม็ดเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมหาศาล ไม่ใช่ความดี จึงคิดคอนเทนต์แหลก อัดฉีดรายการทีวี อัดฉีดสื่อแต่ละคน นี่แหละเรียกว่า หมอดูขโมยดวง คือขายความเชื่อให้ดัง ให้คนกลัวให้มากที่สุด
คำว่า หมอดู คือสร้างคำพูดออกมาเอง จินตนาการได้หมด บางทีก็เอาซีนมาเป็นของตนเอง หรือสร้างความเป็นกระแส เอามาให้ตนเองเก่ง ตนเองทำได้ ก็อย่างที่หลายๆคนอยู่บนโลกใบนี้มีทั้งคนเข้มแข็ง คนเข้มแข็งเขาก็จะเชื่อความสามารถของตนเอง ไม่อ่อนแอ ทำได้ทุกๆอย่างก็จะไม่เชื่อใครๆทั้งนั้น และอีกกลุ่มก็คือคนอ่อนแอ คนที่หาที่พึ่งทางด้านจิตใจ ก็จะเชื่อและแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ใครพูดมาก็จะเชื่อหมด ยิ่งหมอดูมีชื่อเสียง แต่ขาดคุณธรรมสร้างคอนเทนต์อย่างเดียว ก็จะแสวงหาคำพูดต่างๆนานานำมาเป็นคำพูดของตนเอง เรียกว่ามีได้ทั้งนั้น แต่หมอดูที่เข้าใจโลก เข้าใจทุกๆอย่างก็จะเรียนรู้และนำมาสอนทุกๆคนด้วยใจอันบริสุทธิ์ เพราะสุดท้ายหมอดูหรือคน ก็จะเข้าใจตนเอง ตัวเองไปตามวัย อายุของหมอดูคนคนนั้นเช่น อิ่มตัว ตามวัยหมอดูที่แก่ ก็จะเริ่มปลง วิ่งหาความสุขทางกาย เพราะจะเข้าวัย จะไม่เหมือนหมอดูเด็ก วัยแรกเอาชนะทุกๆอย่าง คิดเพื่อให้ตนเองเป็นหนึ่ง ไฟแรง เข้าวัยที่กำลังต้องการชื่อเสียง ความสำเร็จ เป้าหมาย แข่งขัน ยิ่งยุคปัจจุบันชิงหน้าสื่อ และแสง ก็จะไวต่อความคิด นำทุกๆอย่างมาเป็นคอนเทนต์ แตกต่างจากอดีต หมอดูจากอดีตก็ช้า กว่าจะรู้ข่าวแต่ละข่าวก็รอทีวีลง หนังสือพิมพ์ลงข่าวในวันรุ่งขึ้น ปัจจุบันมีสื่อออนไลน์ทุกๆที่มุมโลก ก็สามารถคิดและสร้างอะไรมาไว ต่อเวลา ภาษาพูด คำว่าขโมย จึงสามารถใช้ในยุคปัจจุบันได้ แต่พอถึงเวลาก็จะเข้าใจในวันเวลาดำเนินไป ในแต่ละยุค จึงเปรียบเสมือนว่า กาลเวลาเป็นสิ่งที่แต่ละยุคคิดไม่เหมือนกัน ตามเทคโนโลยี ปัจจุบันจึงแตกต่างกับอดีต
ขอขอบคุณ : อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม