เปิดประวัติ "ช้างสามเศียร" สมุทรปราการ

"ช้างสามเศียร" จ.สมุทรปราการ หรือ "พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ" สถาปัตยกรรมรูปช้างขนาดใหญ่มี 3 เศียร เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักถึง 100 ตัน ลำตัวหนัก 150 ตัน ตั้งตระหง่านเหนืออาคารทรงกลม ซึ่งเป็นที่รวบรวมโบราณวัตถุหาชมยาก ช้างเอราวัณนี้เป็นสัตว์วิเศษพาหนะของพระอินทร์ตามคติพุทธและพราหมณ์ หนึ่งในสัตว์มหัศจรรย์อันดับต้น ๆ ในเทพนิยายไทย แม้แต่ตราของกรุงเทพมหานคร ก็เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ

ส่วน ตำนานช้างเอราวัณ เป็นช้างเผือกพาหนะของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จไปไหน เอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก 33 เศียร แต่ละเศียรมีงา 7 งา งาแต่ละงายาวถึง 4 ล้านวา งาแต่ละงามีสระบัว 7 สระ แต่ละสระมีดอกบัว 7 ดอก แต่ละดอกมีกลีบ 7 กลีบ มี 7 เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ 7 หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี 7 ชั้น แต่ละชั้นมี 7 ห้อง แต่ละห้องมี 7 บัลลังก์ แต่ละบัลลังก์มีเทพธิดาสถิต 7 องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ 7 นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ 7 ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประมาณ 190,248,432 นาง เทพธิดา บริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ 13,331,669,031 นาง เศียรทั้ง 33 ของช้างเอราวัณมีอุเปนทเทพยดา สถิตเศียรละ 1 องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทำช้าง เอราวัณ เป็นช้าง 3 เศียร

ช้างตระกูลอิศวรพงศ์ ช้างมงคล 8 ประเภท ที่พระอิศวรหรือพระศิวะทรงสร้าง มี ความเชื่อ กันว่ามีคุณวิเศษในการบันดาลความแข็งแรงด้านสุขภาพ ความมีอำนาจวาสนาและความเจริญในตำแหน่งหน้าที่ สำหรับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณใกล้ ๆ อาคารหลักที่เป็นรูปช้างเอราวัณนี้ มีจุดจำหน่ายผลไม้สำหรับผู้มาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมี ข้อห้ามสำคัญคือห้ามขอและบนบานในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือไม่สามารถทำได้ ส่วนการเดินชมแนะนำให้เดินตามเส้นทางเวียนขวาในสวนป่าหิมพานต์รอบอาคารค่ะ

นอกจากปูนปั้นประดับเครื่องเบญจรงค์ที่ประดับประดาอย่างงดงามภายในโถงแห่งนี้แล้ว ยังมีไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคือ เสาหุ้มดีบุกทั้งสี่ ซึ่งดุนลายเป็นภาพเล่าเรื่องราวในตำนานจาก 4 ความเชื่อ เชิดชูคุณธรรมความดีงามอันเป็นสิ่งสากลค้ำจุนโลกไม่ให้ล่มสลาย

ตำนานช้างสามเศียร

มีเรื่องเล่ากันมากมายเกี่ยวกับ ช้างเอราวัณ แม่ค้าและคนย่านนั้นเล่าว่า มีคนมาแก้บนทุกงวด บางช่วงมีทุกวันเสียด้วยซ้ำ แม้แต่ยามเฝ้าพิพิธภัณฑ์ยังเล่าว่าบางครั้งก็มีคนมาแก้ผ้าตอนดึก ๆ เพราะบนกับช้างไว้ ส่วนใหญ่จะขอโชคลาภและบนบานในสิ่งที่หาได้ จะขอมากขอน้อยอันนี้ได้ไม่ได้สุดแล้วแต่วาสนาจริง ๆ เพราะมีคนมาขอพรกันเยอะมาก ที่นี่ใช้เวลาสร้างนานหลายปีจึงมีเรื่องเล่ามากมายเพราะเชื่อกันว่ามีอาถรรพ์ สร้างเท่าไหร่ก็สร้างไม่เสร็จ มีคนงานและผู้รับเหมาหลายรายต้องเจอกับอุบัติเหตุร้ายแรงบ้างก็บาดเจ็บ บ้างก็เสียชีวิต แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นของทีมงานจึงทำให้สามารถจัดทำ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ได้สำเร็จและสวยงาม

จุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าที่ว่าช้างเอราวัณเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โชค คือช่วงที่เริ่มสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ ๆ มีคนงานก่อสร้างพากันถูกลอตเตอรี่บ่อยครั้ง โดยเล่าต่อกันมาปากต่อปากว่าหากจ้องมองที่เศียรช้างนาน ๆ จะเห็นเลขเด็ดลอยออกมา เมื่อนำเลขนั้นไปซื้อก็มักจะถูกรางวัลใหญ่อยู่เสมอ เคยมีคนงานที่มาทำงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ในตอนนั้นถูกหวยรางวัลที่ 1 นี่จึงเป็นที่มาของความเชื่อในหมู่คนงานและเล่าขานกันเป็นวงกว้างในย่านปากน้ำว่าช้างให้โชค จนมีคอหวย และนักเสี่ยงโชคมากมายมาบนบานขอโชคลาภจนถูกรางวัลที่ 1 กันมาแล้วไม่รู้กี่งวดต่อกี่งวด

อย่างที่กล่าวมาที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาล้อเล่น ถึงขั้นมีคำเตือนและกฎข้อห้ามเกี่ยวกับการขอพร เนื่องจากมีเรื่องราวเล่าต่อกันมาว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งได้บนบานกับช้างเอราวัณว่าหากตนถูกหวยรางวัลที่ 1 จะยอมมีเพศสัมพันธ์กับช้าง 1 ครั้ง เมื่อไปถึงบ้านเธอก็ได้เล่าให้เพื่อนฟังอย่างสนุกปาก ผลปรากฏว่าเธอถูกรางวัลที่ 1 จริงตามที่ขอพรไว้ พอรุ่งเช้ามีคนพบศพของเธอในห้องนอน สภาพศพสุดเวทนา คอเขียวคล้ำเป็นจ้ำ เหมือนถูกบีบจนคอหมุนได้และอวัยวะเพศมีแผลฉีกขาดคล้ายกับถูกข่มขืนแบบรุนแรงจนดูเหมือนไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ปกติจะทำได้ ที่น่าแปลกคือไม่พบคราบอสุจิในร่างของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย จากการให้ปากคำของเพื่อนสนิทที่เล่าเรื่องคำอธิษฐาน จึงทำให้ผู้คนที่ทราบข่าวสงสัยว่าหรือคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง หญิงสาวจึงต้องสังเวยชีวิตด้วยคำบนบานดังกล่าว…

คาถาบูชาองค์ช้างเอราวัณ (ท่องนะโม 3 จบ)

โอมเอราวะณะ  คะขัง  ปูเชมิ (ให้ท่อง 3 หรือ 9 จบ) บอกชื่อตนเองแล้วอธิษฐานขอพระในสิ่งที่ต้องการ

และนี่ก็คือเรื่องราว ปาฏิหาริย์ย้อนตำนาน ของ ช้างสามเศียร จ.สมุทรปราการ