"พระปิดตา" ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศกัมพูชา ก่อนขยายอิทธิพลเข้าสู่วงการการสร้างพระเครื่องของไทย ในยุคแรกๆ พระปิดตาสร้างจากเนื้อโลหะ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อพระ โดยลักษณะของพระเครื่องรุ่นนี้คือ ยกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อปิดพระเนตร ซึ่งจะปิดทั้งพระพักตร์ เพราะเชื่อว่าเป็นการปิดทวารทั้ง 9 ได้แก่ ตา จมูก หู และปาก แสดงถึงความสงบในจิตใจ การตัดกิเลสจากโลกภายนอก เข้าสู่ทางธรรม ตลอดจนปฏิบัติกรรมฐาน
สำหรับ พุทธคุณพระปิดตาของหลวงปู่โต๊ะ
ลูกศิษย์หลายท่านที่บูชาพระปิดตา หลวงปู่โต๊ะได้กล่าวถึงพุทธคุณรอบด้านของพระปิดตาว่าช่วยเสริมโชคลาภ การถูกรางวัล การเงิน โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย และเมตตามหานิยม ตลอดจนบางรุ่นก็จะช่วยเสริมเรื่องเดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัยด้วย
พุทธคุณพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะรอบด้าน แต่ละรุ่นต่างมีประสบการณ์มากมาย จนกลายเป็นเรื่องเล่าขานปากต่อปาก ทำให้ปัจจุบันมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทย ตลอดจนชาวต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง และมาเลเซีย ศรัทธาและเลื่อมใสในพุทธคุณพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ
พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นยอดนิยม ได้แก่
1. พระปิดตามหาเสน่ห์
พระปิดตามหาเสน่ห์ สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2518 ด้านหน้าเป็นองค์พระปิดพระพักตร์ ด้านหลังมีอักษรหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี โดยความพิเศษของรุ่นนี้คือ กดพิมพ์ที่วัดใหม่อมตรส ก่อนจะนำมาปลุกเสกที่วัดประดู่ฉิมพลี
2. พระปิดตา รุ่นที่ 1 จัมโบ้
สร้างขึ้นปี 2520 มีทั้งหมด 3 เนื้อ ได้แก่ เนื้อผงใบลาน 1,272 องค์ เนื้อผงเกสร 57 องค์ และเนื้อผงสมเด็จ 16 องค์ สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบหลวงปู่โต๊ะอายุ 90 ปี โดยรุ่นนี้มีลักษณะและความพิเศษคือ องค์ขนาดใหญ่กว่าองค์อื่นๆ
3. พระปิดตา รุ่นเงินล้าน
พระปิดตารุ่นเงินล้าน มีที่มาจากในช่วงปี พ.ศ. 2521 ทางวัดได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ โดยรวบรวมเงินได้ทั้งหมด 1 ล้านบาทจึงนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นพระ โดยรุ่นนี้มีทั้งเนื้อเกสรและเนื้อใบลาน ปลายนิ้วกลมมน บริเวณสะดือกลมลึก มีมิติ ตะกรุดเงินประกอบด้วยทองแดง สังกะสี และนิกเกิล
4. พระปิดตาพิมพ์กนกข้าง
พระปิดตาพิมพ์กนกข้าง สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2521 ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ ด้านข้างขององค์พระจะมีลักษณะโดดเด่นกว่าองค์อื่นๆ คือ จะมีลายกนก ลวดลายอ่อนช้อยบริเวณด้านข้าง ด้านหลังมียันต์ตรี พร้อมขอบเนื้อปลิ้น ปัจจุบันราคากลางอยู่ที่หลักหมื่น
5. พระปิดตา รุ่นปลดหนี้
สร้างปี พ.ศ. 2521-2523 ใช้เวลาในการปลุกเสก 3 ปี สาเหตุที่เรียกว่ารุ่นปลดหนี้ เนื่องจากหลวงปู่โต๊ะชอบกล่าวให้พรว่า “ขอให้หมดหนี้หมดสินนะ” พร้อมกับมอบพระให้ มีพุทธคุณพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะด้านการเงิน สำหรับรุ่นนี้ด้านหน้าเป็นองค์พระปิดพระพักตร์ ด้านหลังมี 2 พิมพ์ ได้แก่ ยันต์นะมหาเศรษฐี และยันต์ตรีนิสิงเห
ประวัติหลวงปู่โต๊ะ
พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือ หลวงปู่โต๊ะ เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2430 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุตรของนายพลอย และนางทับ รัตนคอน มีพี่น้องอยู่ร่วมกัน 2 คน ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนหลวงปู่ตั้งนานแล้ว ในวัยเด็ก เด็กชายโต๊ะ ได้เข้าเรียนวิชาอยู่ที่วัดเกาะแก้ว ใกล้บ้านเกิดของท่าน เมื่อมารดาถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว เห็นความขยันหมั่นเพียรของเด็กชายโต๊ะ จึงได้พาเด็กชายโต๊ะ มาฝากอยู่กับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีในสมัยนั้น ส่วนนายเฉื่อยก็ไม่ได้ตามมาด้วย คงอยู่ที่วัดเกาะแก้วเหมือนเดิม ท่านได้มาเรียนหนังสืออยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีอยู่เป็นเวลาอยู่ 4 ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 17 ปี
เมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมีพระอธิการสุขเป็นอุปัชฌาย์ บรรพชาได้วันเดียวพระอธิการสุขก็ได้มรณภาพ นายคล้าย นางพันธ์ ซึ่งเป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข และมีบ้านอยู่ใกล้วัดประดู่ฉิมพลีจึงได้อุปการะท่านต่อมา เมื่อบรรพชาแล้ว ท่านก็มาเรียนศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งต่อมามีพระอธิการคำ เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา พร้อมทั้งเรียนกรรมฐานกับพระอาจารย์พรหม วัดประดู่ฉิมพลีอีกท่านหนึ่งด้วย จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 20 ปี สามเณรโต๊ะ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ณ พัทธสีมา วัดประดู่ฉิมพลี โดยมีพระครูสมณธรรมสมาทาน (แสง) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอักขรานุสิต (ผ่อง) วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูธรรมวิรัต (เชย) วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า อินทสุวัณโณ
หลังจากนั้น ท่านได้เรียนศึกษาปฏิบัติคันทธุระ วิปัสสนาธุระ หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นคนมีความเพียรพยายาม จนกระทั่งสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาพระอธิการคำ ได้มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งท่านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีสืบต่อมาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2456
หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นคนที่มีศีลวัตรปฏิบัติอันงดงาม มีกริยามารยาทที่งดงาม มีความสุภาพอ่อนโยน มีความเมตตากรุณาต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ และท่านได้เคยเจอเกี่ยวกับโรคระบาด หลวงปู่ท่านเห็นคนหลายคนไม่สบาย ท่านก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะท่านเองก็เป็นโรคนี้ด้วยเหมือนกัน ท่านจึงตั้งจิตว่า หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านจงหายจากโรคนี้ แต่ถ้า ท่านหมดบุญแล้ว ก็ขอให้ตายซะ ในตอนกลางคืน ท่านได้นิมิตว่า หลวงพ่อบ้านแหลมได้นำน้ำพระพุทธมนต์มาเจริญให้ ตื่นมาท่านก็มาเจริญน้ำพระพุทธมนต์ และสุดท้ายท่านก็หายจากโรคนี้
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านได้เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา เนื่องจากว่า ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มีผู้คนมานิมนต์ท่านให้ออกมาให้พร หรือ ขอความช่วยเหลือ ท่านจึงไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน สุขภาพท่านจึงไม่ค่อยแข็งแรง แต่ยังพอฉันอะไรได้มาก แม้จะรักษาอย่างดีเท่าใด แต่สุขภาพ กายสังขารของท่านก็ไม่อาจจะทนไหว ท่านได้อาพาธครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 และก่อนมรณภาพได้เพียง 7 วัน ท่านลุกจากเตียงไม่ได้เลย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2524 คณะลูกศิษย์ทีเป็นพยาบาล ได้มาถวายรังนกอีก แต่คราวนี้สังเกตได้ว่า แขนของท่าน บวม ท่านอยู่ได้จนกระทั่งเมื่อเวลา 9:55 น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้ 93 ปี 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญศพไปตั้งที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ เสมอพระราชาคณะชั้นธรรม พระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่การศพโดยตลอด เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน และตามโอกาสอันควรหลายวาระ