ชาวเพชรบูรณ์โศกเศร้า สูญเสียหลวงพ่อบุญช่วย พระเกจิที่เป็นที่รัก วันที่ 11 ส.ค.67 เพจหลวงปู่บุญช่วย ฐานธัมโม ได้แจ้งข่าวว่า หลวงพ่อบุญช่วย ฐานธัมโม เจ้าอาวาสวัดวังทองเจริญธรรม ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พระสงฆ์ที่ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ได้ละสังขารด้วยอาการอันสงบที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 02.05 น.วันที่ 11 ส.ค.67 สิริอายุ 97 ปี 2 เดือน 4 วัน พรรษา 64 คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้เตรียมจัดพิธีรดน้ำหลวงพระราชทานอาบศพวันที่ 13 ส.ค.67 ณ ศาลาการเปรียญวัดวังทองเจริญธรรม ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
ทั้งนี้ หลวงพ่อบุญช่วย ฐานธัมโม เป็นพระภิกษุที่มีใจใฝ่ปฏิบัติธรรมและเคร่งครัดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังเป็นพระนักปฏิบัติที่มุ่งมั่น มีจิตใจเปี่ยมไปด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง
หลวงพ่อบุญช่วย เป็นศิษย์หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ หรือพระครูวิชิตพัชราจารย์ วัดพระพุทธบาทชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ปัจจุบันท่านได้มรณภาพนานแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย คณะศิษย์ได้บรรจุสรีรสังขารไว้ในโลงแก้วภายในมณฑปวัดช้างเผือก ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ แต่ละวันมีผู้คนเดินทางไปกราบสักการะทุกวันอย่างไม่ขาดสาย
นอกจากนี้ท่านยังเป็นศิษย์หลวงพ่อชด หรือพระครูวิบูลพัชรญาณ พระเกจิชื่อดังเจ้าอาวาสวัดซับข่อย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันศิษยานุศิษย์ได้บรรจุร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว มีผู้คนเดินทางไปกราบสักการะทุกวันอย่างไม่ขาดสายเช่นเดียวกัน
ประวัติ หลวงพ่อบุญช่วย ฐานธัมโม เกิดเมื่อวันอังคารที่ 7 ปีเถาะ เดือนมิถุนายน 2470 เป็นบุตรคนที่ 3 ของ นายอินทร์ และ นางแย้ม บัวแย้ม ชาว ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ มีอาชีพทำไร่ทำนา ตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยรุ่นท่านก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานและใช้ชีวิตเฉกเช่นชาวบ้านทั่วไป กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบททดแทนคุณบิดามารดาที่วัดเกาะแก้ว ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ มีหลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ เป็นพระอุปัชฌาย์
ระหว่างที่บวชอยู่นั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทบ และได้รับการถ่ายทอดวิชาคาถาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำตะกรุดโทน ลงเลขยันต์คาถา ผ้ายันต์ และได้ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานและกำหนดจิต มีความรู้แก่กล้าตามลำดับ และศึกษาเรียนรู้ในการจัดสร้างพระกริ่งหล่อ ตามประเพณีโบราณ
อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อบุญช่วย ท่านบวชได้เพียงแค่ 1 พรรษาเท่านั้น จำต้องลาสิกขาออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาหาเลี้ยงชีพ และได้มีครอบครัวโดยมีบุตร 1 คน อยู่มาระยะหนึ่งภรรยาของท่านได้ตั้งครรภ์อีก แต่ยังไม่ทันได้คลอดก็แท้งเสียก่อน เนื่องจากหกล้มและเสียชีวิตลงพร้อมกันทั้งแม่และลูก สร้างความเศร้าโศกให้แก่ท่านเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ลาสิขามาท่านก็ยังมีความตั้งใจที่จะหาโอกาสเดินเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกสักครั้ง
ประกอบกับในระหว่างนั้นได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งก็คือหลวงพ่อชดหรือพระครูวิบูลพัชรญาณ ได้ธุดงค์มาพักอยู่ที่วัดเสาธงทอง ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นวัดร้าง เป็นป่าช้าเก่า มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมดูน่ากลัว
เมื่อ นายบุญช่วย ทราบว่ามีพระมาอยู่วัดร้าง ท่านก็เข้าไปกราบและพูดคุยด้วย รู้สึกถูกจริตมาก จึงได้มาอุปัฏฐากรับใช้ทุกวัน เป็นเวลานานกว่า 2 ปี ทำให้หลวงพ่อชดได้เห็นอุปนิสัยของ นายบุญช่วย ว่าเป็นผู้จริงจังมากกับการปฏิบัติ กระทั่งหลวงพ่อชดเดินทางกลับไปที่ จ.พิจิตร นายบุญช่วยจึงขอติดตามไปด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.2503 ท่านตัดสินใจขออุปสมบทอีกครั้งที่วัดดงเย็น ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร โดยมีพระอธิการบุญมา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการน้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระทองหยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐานธัมโม แปลว่า ผู้ถือมั่นอยู่ในธรรม
หลังจากบรรพชาแล้วท่านก็ได้อุปัฏฐากรับใช้รวมทั้งศึกษาวิทยาคมจาก หลวงพ่อชด รวมทั้งออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นเวลาหลายปีกระทั่งท่านมีอายุครบ 60 ปี ท่านได้ธุดงค์ผ่านมาถึงหมู่บ้านวังทอง ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งในขณะนั้นพื้นที่ ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีแดง หลายต่อหลายครั้ง ฝ่ายผู้ก่อการร้ายคิดลอบสังหารท่าน ด้วยคิดว่าท่านคือสายลับของทางราชการ ส่วนฝ่ายทางราชการคิดว่าท่านเป็นพวก ผกค.เข้ามาเคลื่อนไหว
แต่ด้วยขันติธรรมและเมตตาธรรม ท่านจึงสามารถชนะจิตใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อรวมทั้งในเวลาต่อมาได้เริ่มก่อสร้างวัดวังทองเจริญธรรม ที่มีความร่มเย็น เป็นศาสนสถานเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อบุญช่วยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อทบ บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ที่รู้ในกิตติศัพท์ด้านวิทยาคมของท่าน จึงได้ขอร้องให้ท่านจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำเงินมาจัดสร้างเสนาสนะ ศาลา อุโบสถ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญช่วยที่ออกมาแต่ละรุ่น ได้รับความนิยมสูงจากบรรดานักสะสมพระในตัวจังหวัดเพชรบูรณ์และใกล้เคียง
ในด้านการเผยแผ่ธรรม หลวงพ่อบุญช่วยเป็นพระที่ทันสมัย ใช้ธรรมะสั่งสอนชาวบ้าน ให้รู้จักทำมาหากินด้วยความสุจริต มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร มิให้ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุข ใช้ชีวิตอย่างสมถะและพอเพียง
หลักธรรมในการปฏิบัติที่หลวงพ่อบุญช่วยพร่ำสอนพุทธศาสนิกชน “ให้มีสติ ดูลมหายใจเข้าออก ให้มีสติรู้ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ภาวนาว่า พุท ลมเข้า โธ ลมออก ทุกลมหายใจให้มีสติรู้อยู่กับลม จิตก็ไม่ส่ายไปทางไหน ฝึกบ่อยเข้าบ่อยเข้าก็เกิดเป็นนิสัย ความสงบเย็นก็เกิดมีในจิต เมื่อจิตสงบมากขึ้น ก็เกิดเป็นปัสสัทธิ คือ สงบเย็น”
หลวงพ่อบุญช่วยเป็นผู้ที่มีความเมตตาตาแก่ทุกๆคน ถึงแม้ท่านจะมีอายุมากแล้ว จึงทำให้มีศิษยานุศิษย์เดินทางไปกราบสักการะท่านอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 3 สิงหาคม 2567ท่านมีอาการเหนื่อยหอบ มีไข้สูง จึงได้นำท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กระทั่งวันที่ 11 ส.ค.2567 ท่านมีอาการความดันลดลงอย่างต่อเนื่องและได้ละสังขารด้วยอาการอันสงบเมื่อเวลา 02.05 น.วันที่ 11 สิงหาคม 2567 สิริอายุ 97 ปี 2 เดือน 4 วัน พรรษา 64