หลังจากที่ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" เจ้าของร้านทองชื่อดังถูกเจ้าหน้าที่บุกรวบคาบ้าน ก่อนที่จะถูกสอบปากคำนานกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งแม่ตั๊กนอนคุกคืนแรกเครียดหนัก ขอยาแก้แพ้หอบหืด ส่วน "ป๋าเบียร์" วอนขอโอกาสให้ได้พิสูจน์ตัวเอง ไม่หนี ไม่หายไปไหน
ก่อนหน้านี้หากย้อนไปในไลฟ์สดของ แม่ตั๊ก กรกนก นั้นมีเหล่าดารานักแสดง และ อินฟลูเอ็นเซอร์คนดังต่างโดนจ้างมาไลฟ์สดในการขายสินค้าออนไลน์ของแม่ตั๊ก ซึ่งรวมรายชื่อได้อย่างน้อย 27 คน โดยแม่ตั๊ก มักจะเลือกช่วงที่เหล่าคนดังเหล่านั้นมีกระแสข่าวที่โด่งดัง และดึงตัวมาร่วมไลฟ์ด้วย
ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพ ซึ่งระบุว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) แล้ว
ว่ามีการจับกุมผู้กระทำผิด 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นตัวการใหญ่ วันนี้จะนำตัวไปฝากขังโดยคัดค้านการประกันตัว นอกจากนี้ได้สั่งการให้ ผบก.ปคบ. ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และจากนี้ไปให้ขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้อง มีพฤติกรรมในการกระทำผิดเข้าข้อกฎหมายใด ซึ่งต้องไม่มียกเว้น ละเว้น หรือช่วยเหลือเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกและประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ เสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมาก
จากนี้ไปก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะรวบรวมข้อเท็จจริงรวมถึงหลักฐานและออกหมายเรียก หากพบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม ซึ่งได้สั่งการทุกพื้นที่เพื่อให้รับแจ้งความ เพราะมั่นใจว่ามีผู้เสียหายหลายคนที่ไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กรุงเทพฯ
รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ระบุว่า มันจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย และคดีนี้จะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะมอบหมายให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบในคดีนี้ ส่วนจะต้องโอนคดีมาที่ บช.ก. หรือไม่ ขอดูรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากต่างกรรมต่างวาระ
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า หลังจากนี้จะขยายและรวบรวมพยานหลักฐานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มคนดาราที่มีชื่อเสียง และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ทำหน้าที่ไลฟ์สดขายของไม่ต่ำกว่า 20 คน ก็จะต้องถูกเชิญมาให้ปากคำทั้งหมด เบื้องต้นอาจมีความผิดเข้าข่ายหลาย พ.ร.บ. ขึ้นอยู่กับว่าเข้าไปเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
"ส่วนที่บอกว่าได้ค่าจ้าง แต่อ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ประเด็นนี้ต้องตรวจสอบว่าเหตุผลฟังขึ้นหรือไม่ แต่ทุกอย่างจะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้ามีพฤติการณ์ใดที่เข้าความผิดก็จะดำเนินคดีทุกราย และต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็คือผิด ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องช่วยเหลือเด็ดขาด" ผบก.ปคบ. กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิทยา กล่าวอีกว่า เรื่องเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องหา ตรงนี้ได้เชิญสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมตรวจสอบแล้ว ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อยู่ระหว่างประสานเพื่อตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินที่แปรสภาพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ปคบ. ได้เฝ้าติดตามข่าวสารและพฤติกรรมของผู้ต้องหามาโดยตลอด