วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 "กามิน" แถลงข่าวให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดราม่า ว่าสาเหตุที่ออกมาแถลงข่าวในวันนี้เพราะอยากออกมาปกป้องครอบครัวคนที่รัก และต้องการออกมาพูดความจริง อยากรู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรความผิดยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทำไมต้องโดนคำพูดรุนแรงอะไรขนาดนี้
กามิน เปิดใจเล่าถึงที่พักอาศัยระหว่างอยู่ไทย ตนได้พักที่โรงแรมสตูดิโอ และบ้านของคนที่เคยร่วมไลฟ์ด้วยกัน (ไม่ใช้คำว่าแน็ก ชาลี ใช้คำว่าคนนั้น) รวมถึงครอบครัวของคู่กรณีให้การต้อนรับจากอบอุ่น จนถึงตอนนี้ตนยังรู้สึกขอบคุณอยู่เลย
ส่วนการไปพักโรงแรมแล้วเกิดปัญหา กามินยืนยันว่า โรงแรมที่พักตนไม่ได้จองเอง บริษัทของคู่กรณีจองให้ การเข้าออกของโรงแรมฝั่งคู่กรณีสามารถรับรู้การเข้าออกได้ตลอด และตนไม่ได้มีคีย์การ์ดแค่คนเดียว ฝั่งนั้นก็มีด้วย และไม่เคยมีการนัดใครมาที่โรงแรม ในเรื่องกระแสข่าวที่ว่าตนติดแอลกอฮอล์ กามิน เผยว่า ตนเป็นคนสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ ตอนอยู่เกาหลีก็ดื่ม แต่ตั้งแต่อยู่เมืองไทยแทบไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย อาจจะมีบางเดือนละครั้งถึงสองครั้ง บางเดือนก็ไม่ได้ดื่ม ยืนยันว่าไม่เคยดื่มเหล้าขณะทำงาน
ส่วนเงินค่าจ้าง กามินเผยว่า ตนไม่ทราบว่าผู้ว่าจ้างจ้างในราคาเท่าไหร่ ได้ทราบราคาตอนที่ได้จากบริษัทเลย เมื่อได้รายได้มาก็รู้สึกพอใจและขอบคุณมาก
ประเด็นเรื่องภาษี กามินยืนยันว่า ตนได้ค่าจ้างมาก็หักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วเรียบร้อย และมีการจ่ายภาษีที่เกาหลีแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรติดค้างที่ประเทศไทยแล้ว ทั้งภาษีและการเป็นพรีเซนเตอร์ รวมถึงค่าจ้างอื่นๆ
กรณีไฟไหม้บ้าน กามินเผยว่า วันเกิดเหตุตนออกไปช้อปปิ้งที่ห้างกับล่าม แต่หลังช้อปปิ้งเสร็จกลับไปที่สตูดิโอ และจะกลับไปบ้านหลังที่เกิดเหตุไฟไหม้พร้อมกับผู้จัดการ ซึ่งวันนั้นก็มีคนอื่นทำงานอยู่ที่สตูดิโอด้วย แต่ตนกลับบ้านมาพร้อมกับผู้จัดการก่อน ตอนนั้นตนเข้าไปบ้านได้กลิ่นไหม้ จึงขึ้นไปที่ชั้น 3 พบว่าต้นเพลิงไฟไหม้เกิดที่ชั้น 3 ส่วนของมีค่าในห้องตนไม่ทราบว่ามีของมีค่าอะไรอยู่ในห้องบ้าง เพราะมันไม่ใช่ห้องของตน ทั้งนี้ตนไม่ทราบจริงๆว่าเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นเพราะอะไร แต่มองว่าอาจเกิดเองตามธรรมชาติ หรือสาเหตุอื่น
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนพูดคำว่า "คนไทยหลอกง่าย" กามิน ยืนยันว่าไม่เคยพูดและไม่เคยคิดแบบนี้ เพราะตนได้รับความรักมากมายจากคนไทย ดังนั้นตนจะกล้าพูดประโยคนี้ในประเทศไทยได้อย่างไร ส่วนตัวก็อยากรู้เหมือนกันว่าประโยคนี้ออกมาได้ยังไงออกมาจากที่ไหน ไม่มีเหตุผลให้ต้องพูดคำนี้ออกมา
ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม กามิน เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่ทราบความหมายของคำพวกนี้เลย เพิ่งจะมาทราบเมื่อไม่นานมานี้เอง พ่อแม่ถามแต่ตนไม่ได้บอกเพราะกลัวว่าท่านจะเสียใจ ส่วนตัวก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามีเหตุผลอะไร ที่ต้องใช้คำพูดที่รุนแรงขนาดนี้ อยากรู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรความผิดยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทำไมถึงต้องใช้คำพูดแรงได้ขนาดนี้
สำหรับกระแสข่าวที่มีการฟอกเงิน กามิน ยืนยัน ครอบครัว และตนไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋นหรืออาชญากร สำหรับตนและครอบครัวไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมที่เกาหลีด้วย
ส่วนสาเหตุการแยกทางกันของทั้งคู่ กามิน เผยว่า ส่วนตัวคิดว่าเกิดจากความเข้าใจที่แตกต่างกัน ทั้งภาษาที่อาจทำให้เข้าใจได้ยาก นิสัยเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน การคบกันที่ผ่านมาไม่มีปัญหาใหญ่อาจเป็นเพราะตัวเองที่ไม่เข้าใจภาษาไทย ทำให้ไม่เข้าใจกัน ยืนยันไม่มีบุคคลอื่นที่ทำให้เลิกกัน ที่ผ่านมาก็พยายามอย่างเต็มที่ และเห็นความพยายามของฝั่งคู่กรณีด้วย
ส่วนสาเหตุที่ต้องกลับเกาหลี เพราะได้รับข้อความให้เลิกกันจากคู่กรณี ตอนนั้นรู้สึกไม่มีทางเลือก จึงเดินทางกลับเกาหลี แต่จนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรมากเป็นพิเศษให้คู่กรณีแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้สึกในแง่ลบ พยายามคิดถึงแต่เรื่องดีดี
ท้ายที่สุดตนอยากฝากถึงคู่กรณีว่า ขอบคุณมากๆสำหรับทุกอย่าง ขอให้ทานข้าวเยอะๆดูแลสุขภาพด้วย มีความสุขมากๆ ส่วนการกลับมาไทยตนขอดูสภาพจิตใจก่อนหากพร้อมคงกลับมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้ยังมีแฟนคลับและผู้ใหญ่ใจดีให้การสนับสนุนอยู่
ด้านทนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ เผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวมีการดำเนินการทางกฎหมาย มีผู้ถูกกล่าวหา 5 คน ข้อหาหมิ่นประมาท และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล จะเป็นใครยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนคู่กรณีตอนนี้ยังไม่อยู่ใน 5 คนนี้ แต่อยู่ในส่วนของการพิจารณา