แฉฟาด "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ใช้ความน่าเชื่อถือหลอกลวงผู้เสียหายสูญ 60 ล้าน

14 พฤศจิกายน 2567

"อี้ แทนคุณ" แฉอีก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" หลอกผู้เสียหายลงทุนกว่า 60 ล้านบาท อ้างลงทุนเทรดที่ดูไบ สุดท้ายเงียบหาย ไม่มีผลกำไรตอบแทน

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา "อี้ แทนคุณ" แฉฟาด "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ใช้ความน่าเชื่อถือหลอกผู้เสียหายลงทุนกว่า 60 ล้านบาท อ้างลงทุนเทรดที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่สุดท้ายเรื่องเงียบ ไม่มีผลกำไรตอบแทน คนตกเป็นเหยื่อทุกข์ทรมานใจมาก

 

แฉฟาด ฟิล์ม รัฐภูมิ ใช้ความน่าเชื่อถือหลอกลวงผู้เสียหายสูญ 60 ล้าน

โดยเผยว่าก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหาย เป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง จากจังหวัดตรัง ติดต่อมาหาทีมงานตนในประเด็นเรื่อง คุณฟิล์ม รัฐภูมิ ว่าเมื่อปี 2563 คุณฟิล์มมีการชักชวนไปลงทุนเทรด ในลักษณะคล้ายๆ กับ Forex ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งผู้เสียหายโอนเงินไปหลายครั้ง มีการโอนก้อนใหญ่ไป 20 ล้านบาท หนึ่งครั้ง และหลักล้านบาทอีกหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 60 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า สุดท้ายเรื่องเงียบ ไม่มีผลกำไร เหมือนรับเงินไปแล้วแต่ไม่ได้ลงทุนจริง ผู้เสียหายจึงร้อนใจ มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันไปมา ที่จังหวัดตรังในปี 63 ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาล แต่รายละเอียดทางสำนวนคงเปิดเผยมากนักไม่ได้

 

แฉฟาด ฟิล์ม รัฐภูมิ ใช้ความน่าเชื่อถือหลอกลวงผู้เสียหายสูญ 60 ล้าน

 

ผู้เสียหายบอกว่า เหตุที่หลงเชื่อ เพราะคุณฟิล์มบอกว่ามีแผนในการลงทุนเทรดที่ต่างประเทศ จึงดูน่าเชื่อถือ อยากร่วมลงทุน และมีความสนิทสนม กันในระดับหนึ่ง แต่ปรากฏว่าเมื่อลงทุนแล้วกลับไม่มีเอกสารหลักฐานในการลงทุนนำมาแสดง

หลังรับเรื่องร้องเรียน ตนโทรคุยกับคุณฟิล์มต่อหน้าผู้เสียหายเพื่อความโปร่งใส โดยคุณฟิล์มบอกว่าเป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค หลังจากนี้ ก็ว่าไปตามกระบวนการ แต่ตนยืนยันว่า เป็นคนละเรื่องกับเคสดิไอคอนกรุ๊ป และนี่ไม่ใช่การตบทรัพย์แต่อย่างใด

 

แฉฟาด ฟิล์ม รัฐภูมิ ใช้ความน่าเชื่อถือหลอกลวงผู้เสียหายสูญ 60 ล้าน

 

ตนเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหายมาดูช่องทางว่า มีทางไหนจะช่วยเหลือได้บ้าง หลังจากนี้ต้องแสวงหาข้อเท็จจริง ผู้เสียหายรอมานานสามปีกว่า ๆ เขาเพียงอยากได้เงินคืน ตอนนี้ได้คืนจากบุคคลสนิทของคุณฟิล์มมาแล้วประมาณ  20  กว่าล้าน เหลืออีก 30 กว่าล้าน ที่ยังไม่ได้คืน ผู้เสียหายทรมานใจ เป็นหนี้เป็นสิน ต้องเอาทรัพย์สินไปขาย แถมยังมีเรื่องคดีความ เดือดร้อนเป็นอย่างมาก 

สุดท้ายนี้ ฝากคนที่ทำว่า ทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าเป็นคนที่ผลักภาระปฏิเสธความรับผิดชอบ แล้วการที่ใช้ชีวิตติดหรูบนความทุกข์ยากของคนอื่น สุดท้ายก็ต้องนอนในเรือนจำ ฝากเป็นอุทาหรณ์อย่าทำอย่างนี้เลย