ทนายดัง ยกตัวอย่างเห็นภาพ ปม "เงินเยียวยา24ล้าน" กับ ติ๊ก ชิโร่
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณี การเรียกเงินเยียวยา 24ล้าน กรณีติ๊ก ชิโร่ เมาแล้วขับ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
เปิดความเห็น ทนายรณณรงค์ กรณี เงินเยียวยา 24 ล้าน ของคู่กรณีที่เรียกจากฝั่ง ติ๊ก ชิโร่ โดยจากกรณีวันที่ 23ม.ค.68 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวติ๊ก ชิโร่ นักร้องดัง ได้ออกทายืนยันว่าที่ผ่านมา ช่วยเหลือเยียวยาฝั่งคู่กรณีมาตลอด ย้ำเงินเยียวยา 24 ล้าน เป็นวงเงินที่สูงไป ณ ตอนนี้ครอบครัวพร้อมชดใช้ 2 ชีวิต 4-5 ล้านบาท
(อ่านข่าว"ติ๊ก ชิโร่" เปิดใจพูดตรง ๆ ปมเจอเรียกเงินเยียวยา 24ล้าน)
ล่าสุด ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
24ล้าน ผมว่าเหยื่อเมาแล้วขับมีสิทธิ์ได้
จอดรถในที่ห้ามจอดแต่ไม่เป็นลักษณะกีดขวางการจราจร แม้ติ้ก ชิโร่จะมาชนก็ไม่ใช่ลักษณะของการประมาท มีแนวตัดสินที่ให้คนชนจ่ายเต็ม100% เยอะแยะนี่ไม่นับกรณีคนขับเมาด้วยนะ อย่าอ้างลอยๆแค่ว่าจอดบนสะพาน ไฟส่องสว่างมาก รถก็ไม่ได้จอดกระทันหัน ถ้าพี่ติ้กยังสู้ก็แนะนำให้ครอบครัวเหยื่อเมาแล้วขับสู้กลับเหมือนกัน ที่เงียบเพราะอยากให้คุยกันดีๆไหวไม่ไหวตรงไหน
ผมขอยกแนวตัดสินให้ดู
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2544
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจุดที่จำเลยจอดรถและเกิดเหตุชนกันอยู่ในไหล่ทางด้านซ้ายของถนนในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจรแล้วก็ตาม แต่การที่จำเลยจอดรถในเวลามืดค่ำโดยไม่ได้เปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้ขับขี่มองเห็นรถที่จอดอยู่ จนเป็นเหตุให้ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนท้ายรถคันที่จำเลยจอดทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นผลจากความประมาทของจำเลยไม่ว่าจะฟังว่าผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยก็ตามก็ต้องถือว่าเหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเกิดเพราะความประมาทของจำเลยด้วยจึงเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยที่งดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้น หาใช่ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการขับรถของจำเลยไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 43(4),157 คงผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ความผิดฐานขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น แล้วไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯมาตรา 78 กำหนดให้ผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตามแต่ผู้ขับรถที่จะถือว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายจะต้องเป็นผู้ขับรถที่กำลังแล่นอยู่ หาใช่กรณีผู้ขับรถที่จอดรถอยู่หรือหยุดรถอยู่ไม่จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 78