เตือนประชาชนระวัง "โรคเมลิออยด์" คนมีแผลที่เท้า ควรเลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลน

02 กันยายน 2564

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนประชาชนระวังโรคเมลิออยด์ พบมากในฤดูฝน รอบ 8 เดือนปีนี้ พบป่วยแล้วกว่า 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน เสียชีวิต1 ราย กลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อ คือเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลที่เท้า เชื้อสามารถเข้าทางผิวหนัง

เมื่อวาน 2 กันยายน 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับโรคที่เกิดในช่วงฤดูฝนว่าโรคที่กรมควบคุมโรคให้ความสำคัญและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง คือโรคเมลิออยด์หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าโรคไข้ดิน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุจะอยู่ในดินและในน้ำ เข้าสู่ร่างกายคนเราได้ 3 ทาง คือ

1.ทางบาดแผลที่ผิวหนัง

2.ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป

3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป

หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ บางรายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย อาจติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้เป็นหลัก จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา

โรคเมลิออยด์

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 64 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 1,426 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน พบมากที่สุด คืออายุ 55-64 ปี รองลงมา คือ 45-54 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ พบในกลุ่มอาชีพเกษตรกรมากที่สุด พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากอันดับ 1 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา คือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ คาดว่าในช่วงฤดูฝนนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์เพิ่มขึ้น

“ในปีนี้กรมควบคุมโรคได้มอบหมายกองโรคติดต่อทั่วไป จัดทำคู่มือโรคเมลิออยด์ คู่มือนี้จะใช้เป็นแนวทางสำหรับแพทย์ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลใช้เป็นแนวทางในการตรวจหาเชื้อเมลิออยด์ ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ขณะนี้โรคเมลิออยด์มียาปฏิชีวนะรักษาหายขาด สามารถรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งผู้ป่วยต้องกินให้ครบชุด ใช้เวลาประมาณ 20 สัปดาห์” นายแพทย์โอภาสกล่าว  

ทางด้านแพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคเมลิออยด์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน สามารถป่วยซ้ำได้อีก

ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคนี้ มี 5 กลุ่ม ได้แก่

1.ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องสัมผัสกับดินและน้ำโดยตรงหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย เช่น แมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะ เป็นต้น

2.ผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า  

3.ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน 4.ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง และ 5.คนสูบบุหรี่จัดหรือติดเหล้า 

แพทย์หญิงวรยา กล่าวต่อไปว่า วิธีการป้องกันโรคดังกล่าวสามารถทำได้ ดังนี้

1.ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบู๊ท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ และรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่

2.หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

3.ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง

4.หลีกเลี่ยงการสัมผัส  ลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน

5.ลดละเลิกการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นและมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

โรคเมลิออยด์