รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานทั้งจำนวนติดเชื้อใหม่ และจำนวนเสียชีวิตเพิ่ม สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติยังมีมากเป็นอันดับ 7 ของโลก
...ผลลัพธ์ของกล่องทรายและพื้นที่ 7+7
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพื้นที่กล่องทราย และพื้นที่ใกล้เคียง จะมีธรรมชาติที่เราพอจะใช้คาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น หากขยายไปดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ในระยะเวลาถัดจากนี้ไป
นั่นคือจำนวนการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นชัดเจน หลังจากดำเนินการไปได้ตั้งแต่ 4-8 สัปดาห์ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการระบาดทวีความรุนแรงขึ้นนั้นคือ การมีคนจำนวนมากขึ้น เคลื่อนไหวกันมากขึ้นในพื้นที่ กิจการกิจกรรมต่างๆ นำมาซึ่งการพบปะติดต่อกัน สัมผัสกัน ใกล้กัน บ่อยครั้งขึ้น และนานขึ้น
เหล่านี้คือสิ่งที่เป็นตัว catalyst เร่งปฏิกิริยาของการแพร่เชื้อติดเชื้อที่มีอยู่ในชุมชน
ดังนั้นหากดู timeline ของนโยบายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ขยายพื้นที่ไปอีก 5 จังหวัด ก็คงน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะธรรมชาติของการระบาดอันเป็นผลลัพธ์จากกล่องทรายและ 7+7 นั้นเป็นตัวสะท้อนให้เห็นอยู่แล้ว
ยิ่งหากสถานการณ์ระบาดทั่วประเทศยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และแต่ละวันยังติดกันหลักหมื่นคน ติดท็อปเท็นของโลก การเปิดกิจการกิจกรรมดังกล่าวคงเป็นไปได้เพียงระยะสั้น และจะเกิดผลกระทบตามมาในเวลาไม่นาน
สิ่งที่ควรทำคือ การทบทวนนโยบายดังกล่าว และหันมากดการระบาดให้ดี ใช้เวลาช่วงที่กดการระบาดนั้น ไปขันน็อต ปรับปรุงรูปแบบการใช้ชีวิต การประกอบกิจการกิจกรรมค้าขายและบริการต่างๆ ให้ปลอดภัยไปกว่าที่มีอยู่
มิฉะนั้นไตรมาสสุดท้ายของปี ปลายปีเป็นช่วงเทศกาลต่อเนื่องไปถึงปีใหม่ อาจซ้ำรอยกับปีที่ผ่านมา
แต่อย่าลืมว่าศึกนี้มายาวนานมาก ทรัพยากรของทุกคนร่อยหรอไปมาก หากระบาดทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
ก้าวเมื่อควรจะก้าว...หากเร่งรีบก้าวตอนที่ฝนตกพื้นลื่นรองเท้าที่ใส่ยังไม่เหมาะสม จะพลาดหกล้มเจ็บหนักได้
ด้วยรักและห่วงใย
การสูดดม"หัวหอม"...ไม่ได้ช่วยฆ่าไวรัสโรคโควิด-19 นะครับ
จะเสี่ยงต่อการสูดดมสิ่งปนเปื้อนบนพื้นผิวของหัวหอม ไม่ว่าจะดิน เชื้อโรคอื่นๆ หากทำความสะอาดไม่ดีด้วย
วันก่อนตอบทาง AFP ไป
ไม่สบาย ควรรีบไปตรวจรักษาครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews