รวมความเชื่อและข้อเท็จจริงในการเติมน้ำมัน หลายคนที่ใช้รถใช้ถนนย่อมต้องผ่านการเติมน้ำมันด้วยกันทั้งนั้น เเต่ใครจะบ้างว่าเติมน้ำมันยังไงให้ได้คุ้มที่สุด หรือ ได้ระยะทางได้ไกลที่สุด เพราะฉะนั้นเราจะรวมความเชื่อและข้อเท็จจริงในการเติมน้ำมันกันครับ
ข้อเท็จจริงและความเชื่อในเรื่องการเติมน้ำมันให้คุ้มค่าที่สุด อันไหนจริง อันไหนไม่จริง
1.เติมน้ำมันตอนเช้าจะได้ปริมาณมากกว่าตอนบ่าย จริงหรือไม่
ผมสรุปอีกไม่จริงครับ จริงๆแล้วเติมตอนไหนก็หมดกัน ส่วนหนึ่งน้ำมันจะขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น และคิดกันไปเองว่าตอนเช้าอุณหภูมิต่ำกว่าตอนบ่ายทำให้จะได้ปริมาณน้ำมันที่ยังไม่ขยายตัวมากกว่าเติมตอนบ่ายแม้ว่าสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวจากความร้อนเชิงปริมาตรจะมีผลต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามหลักเทอร์โมไดนามิกส์ แต่อุณหภูมิที่ค่อนข้างคงที่ในประเทศไทย แทบไม่ส่งผลอะไรเลยกับการเติมน้ำมันในรถยนต์ส่วนตัวเลยครับ
2. เติมน้ำมันครึ่งถังประหยัดกว่าเติมเต็มถัง จริงมั๊ย
ไม่จริงครับซึ่งหลายคนเติมน้ำมันตามตังในกระเป๋าอยู่เเล้วแต่ความเชื่อที่ว่าการเติมน้ำมันครึ่งถังประหยัดกว่านั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อเครื่องยนต์ของคุณได้ เพราะจะส่งผลให้ปั๊มติ๊กของคุณ เสื่อมสภาพ
3.น้ำมันเกรดพรีเมี่ยมช่วยให้รถยนต์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จริงมั๊ย
น้ำมันเกรดพรีเมียมมีอัตราการเผาไหม้ และส่งผลดีต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์เป็นสิ่งถูกต้อง เเต่อาจจะไม่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของท่านสักเท่าไร แต่ถ้าท่านไหนสะดวกเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วแต่ครับ ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าท่านไม่สะดวกก็แนะนำให้เติมเเค่ E20 ก็เพียงพอแล้วครับ
เทคนิคการเติมน้ำมันให้คุ้มค่าที่สุด
1. เติมทันทีเมื่อเหลือ 1 ใน 4
ควรเติมน้ำมันทันทีเมื่อระดับน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ใน 4 ของถังน้ำมัน และเติมให้ขึ้นมาอยู่ในระดับ 3 ใน 4 ของถังน้ำมันถ้าจอแสดงผลระดับน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 2 ขีดก็ให้เติมน้ำมันทันที
2. อย่าเติมเต็มถัง
หลายท่านคงสงสันว่าทำไมห้ามเติมเต็มถัง เพราะว่าเด็กปั๊มจะเติมน้ำมันให้เราโดยเป็นการเติมแบบอัตโนมัติ เมื่อน้ำมันเต็มจนถึงหัวจ่ายน้ำมันจะมีการหยุดจ่ายน้ำมันทันทีที่มีแรงดัน แต่มอเตอร์ปั๊มน้ำมันจะยังคงทำงานอยู่ ซึ่งจะมีน้ำมันที่ค้างในหัวจ่ายนั้นได้ผ่านมิเตอร์และคิดเงินแล้วเรียบร้อย นั่นหมายความว่าเรากำลังส่งน้ำมันคืนกลับให้ปั๊มทั้ง ๆ ที่ท่านเสียเงินไปแล้ว
4. เติมเป็นลิตร
กรณีที่ท่านใช้บัตรเครดิตการเติมน้ำมันเป็นลิตรจะเห็นผลในเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่ชัดเจนกว่ามากเวลาที่ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลง เพราะคุณสามารถควบคุมปริมาณของน้ำมันตามระยะทางที่ใช้จริง ตัวอย่างเช่น คุณทำงานกลับบ้านเดินทางเป็นระยะทางทั้งหมด 30 กิโลเมตร รถยนต์ของท่านมีอัตราการประหยัดน้ำมัน 15 กิโลเมตรต่อลิตร เท่ากับวันหนึ่งใช้น้ำมันประมาณ 2 ลิตร ซึ่งต่อ 7 วัน จะใช้น้ำมัน 10 ลิตร ซึ่งจะทำให้ท่านเห็นความแตกต่างของค่าใช้จ่ายแน่นอน
ขอบคุณที่มาจาก:https://car.kapook.com/