Audi RS7 Sportback 2022 ใหม่ สปอร์ตเต็มขั้น โดดเด่น ด้วยทรงท้ายลาด สมรรถนะ Supercar ขุมพลัง V8 4.0 ลิตร 600 แรงม้า ตัวรถเป็นแบบสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู โดยเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงตระกูล RS รุ่นที่ 8 ในประเทศไทย เรียกว่าเป็น ตระกูล Racing Sport เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่หลงใหลในดีไซน์ และ DNA ของ Audi อย่างชัดเจน
Audi RS7 Sportback สะท้อนเอกลักษณ์ของอาวดี้ เท่หรู ลุคสปอร์ต Performance ดุดัน ชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS พร้อมตกแต่ง Audi Ring และชื่อรุ่นด้วยสี Glossy Black และไฟหน้าแบบ HD Matrix with laser light ที่มี Light staging แสดงกราฟิกเมื่อล็อกและปลดล็อกรถ และจะมีกระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่สีดำเงาเพิ่มมิติด้านหน้ารถ ล้ออัลลอย Audi Sport ขนาดใหญ่ 22 นิ้ว ลาย V spoke 5 ก้านคู่ผสมผสานสีดำและสีเงินสวยงาม พร้อมยางขนาด 285/30/R22 คาลิปเปอร์เบรกสีแดง ตกแต่งด้วยไฟ Projector RS logo ทั้งประตูหน้าและหลัง
ขุมพลัง เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบชาร์จ ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ Tiptronic 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที พร้อมติดตั้ง Dynamic Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถที่วางจำหน่ายในไทย ส่งผลให้ทำความเร็วสูงสุดได้ 280 กม./ชม. (ปกติล็อกความเร็วไว้ที่ 250 กม./ชม.)
ภายในห้องโดยสาร Audi RS7 Sportback 2022 มีความสปอร์ตสุดๆถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Carbon Twill Structure ไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Contour/ambient lighting) ปรับได้มากถึง 30 เฉดสี ให้บรรยากาศการขับขี่ที่เอ็กซ์คลูซี เบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports หุ้มหนัง Valcona ตกแต่งแบบ honeycomb เดินด้ายสีแดงสไตล์ RS Sports
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้ม Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัดพร้อมสัญลักษณ์ RS Paddle shift คอนโซลกลางหุ้มหนัง Fine Nappa สีดำ ด้านข้างคอนโซลกลางตกแต่งด้วย Dinamica สีดำ ด้ายสีแดงสุดสปอร์ตเสมือนอยู่ในรถแข่ง จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus แบบ RS Monitor ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลแบบ Runway เครื่องบิน รวมถึงการแสดงค่าแรงจีที่เกิดขึ้นขนาดขับขี่
เทคโนโลยีล้ำสมัยด้วยระบบ MMI Navigation plus พร้อมจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว จอมัลติฟังก์ชั่นแบบสัมผัสตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว Audi drive select เลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะซิ่งสนุกกับ “RS MODE” ก็ทำได้อย่างง่ายดาย กระหึ่มด้วยระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 16 ลำโพง 705 วัตต์ พร้อมระบบปรับอากาศแยกอิสระ 4 โซน
มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with sports differential ที่ให้การกระจายกำลังไปยังล้อคู่หน้า-คู่หลังในอัตรา 40:60 สำหรับการขับขี่แบบปกติ และสามารถกระจายกำลังไปยังล้อหน้าได้สูงสุด 70% และล้อหลังสูงสุด 85% ตามลักษณะการขับขี่รูปแบบต่างๆ เสริมด้วยเฟืองท้าย Sport Differential ที่สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อซ้าย-ล้อขวาได้อย่างอิสระและฉับไว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น
ขอบคุณที่มาจาก:https://www.sanook.com/auto/83011/gallery/523260/