7 รถยนต์ไฟฟ้าน่าใช้ในปี 2022 รถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังไปรับความสนใจมากๆ ในยุคปัจจุบัน ทำให้เเต่ล่ะค่ายรถยนต์แต่ล่ะค่ายนั้น ก็หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย ทั้งค่ายในฝั่งเอเชีย ประเทศจีน หรือจะเป็นค่ายในฝั่งยุโรป ก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกัน แต่สำหรับวันนี้ทางเราจะมาแนะนำ 7 รถยนต์ไฟฟ้าน่าใช้ในปี 2022
1. MG ZS EV
MG ZS EV ฟีเจอร์ล้ำสมัยและมีสมรรถนะสูง ด้วยมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์ ภายใน ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยคอนโซลหน้าลายคาร์บอนไฟเบอร์ และเบาะหนังดำเดินด้ายแดง พร้อมวัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน รวมถึง เทคโนโยลีความปลอดภัยและเทคโนโยลีการขับขี่
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 94,9000 บาท
2. MINI Cooper SE เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มี 2 ประตูขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านล้อหน้าด้วยกำลังส่ง 181 แรงม้าหรือ 135 กิโลวัตต์ และแรงบิด 270 นิวตัน/เมตร (199 ปอนด์/ฟุต) แบตเตอรี่ให้พลังงานถึง 32.6 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ราว 183 กิโลเมตร (ยังไม่ได้รับรองจาก EPA) สามารถทำความเร็ว 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลา 6.9 วินาทีและความเร็วสูงสุดที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวถัง หน้าต่างรอบคันและหลังคารถ ล้ออยู่ใกล้กันชน ความกว้างฐานล้อ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือกระจังหน้าและสกู๊ปดักลมบนฝากระโปรงที่เดิมเป็นช่องระบายอากาศก็ปิดทึบไว้ ใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคัน แล้วคาดเส้นสีเหลืองพร้อมโลโก้ตัว E ที่หมายถึง Electric แต่ถ้ามองเฉพาะส่วนสีเหลือง จะดูเหมือนปลั๊กไฟอีกด้วย ราคาจำหน่าย 2,290,000
3. Neta V Pocco รถยนต์ไฟฟ้า POCCO จะมีการดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารัก ทันสมัย โดดเด่นด้วยสีสันสไตล์ลูกกวาดที่แสนจะสดใส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ไฟหน้ารถยนต์ ดีไซน์ของกระจกมองข้าง ดีไซน์ของฝากระโปรงหน้ารถ ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ดีไซน์การออกแบบตกแต่งภายในตัวรถยนต์เองก็มีความน่ารัก ด้วยการใช้สีดำและสีแดงเข้ามาเป็นสีหลักในการตกแต่งภายใน เน้นความเรียบหรู แต่ก็ยังเน้นฟังชันก์การใช้งานที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงรุ่นใหม่ ส่วนภายในจะมีความเท่และให้ความรู้สึกที่พรีเมียมมาก เหมาะสำหรับการใช้งานบนท้องถนนทั่วไป ราคาจำหน่าย 429,000
4.ORA Good Cat แบรนด์รถจากประเทศจีน แต่ก็สร้างยอดขายไปได้อย่างถล่มทลาย แค่เรื่องหน้าตาก็ถูกใจสาว ๆ ไปแล้วกว่าครึ่ง ในรุ่นท็อปสุดเรียกได้ว่า จัดเต็มเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งหน้าจอแบบสัมผัสสั่งการด้วยเสียง เบาะนวดไฟฟ้า รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย และเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ ORA Good Cat มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 400 TECH, 400 PRO และ 500 ULTRA มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 2 ขนาด ที่วิ่งได้ไกล 400 - 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 828,500 บาท
5.Volvo C40 Recharge Pure Electric ขึ้นชื่อว่า Volvo ก็ต้องมีเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง Volvo C40 Recharge Pure Electric เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ของค่าย พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยตัวถังแบบคูเป้
Volvo C40 Recharge Pure Electric ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ติดตั้งไว้ด้านหน้าและด้านหลัง ให้กำลังสูงสุดรวม 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที และจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. ขณะที่แบตเตอรี่ของ Volvo C40 Recharge Pure Electric มีขนาดความจุ 78 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุที่ใช้ได้ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้งตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ของยุโรป รองรับการชาร์จแบบปกติด้วยกำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ ในเวลาราว 8 ชั่วโมง และการชาร์จด่วนที่มีกำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์ ในเวลา 40 นาที ราคาจำหน่าย 2,690,000 บาท
6.Nissan Leaf
นิสสัน ลีฟ เป็นรถนำเข้าทั้งคัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า AC SYNCHRONOUS ขนาด 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลสูงสุด 311 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ที่ 1.99 ล้านบาท
7.Audi e-tron GT
Audi e-tron GT ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.1 วินาที ใน Boost Mode สามารถทำความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงลิเธียมไอออน ความจุ 93.4 กิโลวัตต์ ทำให้ขับได้กว่า 540 กม./ชาร์จ (ตามมาตรฐานการทดสอบแบบ NEDC)
Audi e-tron GT มีราคาเริ่มต้น 6,390,000 บาท สำหรับรุ่น e-tron GT quattro ส่วน e-tron GT quattro Performance ราคา 6,790,000 บาท และตัวท็อปที่สุดคือ RS e-tron GT quattro ราคา 9,490,000 บาท
ขอบคุณที่มาจาก:https://www.autospinn.com/2022/04/ev-for-girl-89330