ฟังเพลงขณะขับรถยนต์ มีความเสี่ยงที่จะทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุได้ เชื่อว่าหลายคนคงชอบ กับการฟังเพลงขณะขับรถ ซึ่งมันส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รวมไปถึงยังช่วยคลายความเบื่อหน่าย ขณะที่เราเจอการจราจรที่ติดขัดอีกด้วย แต่ในส่วนที่ดีก็มีส่วนที่เสียแอบแฝงอยู่เช่นเดียวกัน เพราะว่าการฟังเพลงในร้องรถยนต์นั้น อาจจะทำให้คุณไม่มีสมาธิในการควบคุมรถยนต์ได้มากที่ควร หรือ ฟังเพลงเสียงดังจนมากเกินไป ก็จะทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงรอบตัวในท้องถนนได้
มีการเปิดเผยผลการศึกษาโดย CX Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์ของอังกฤษ ร่วมกับ Uswitch เว็บไซต์เอกชนที่บริการเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ พบว่าการฟังดนตรีแนว อาร์ แอนด์ บี (R&B : Rhythm and Blues) มีผลทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ขับขี่ช้าลง สำรวจใช้กลุ่มตัวอย่างกว่า 100 คน แบ่งออกเป็นเพศหญิงและชายอย่างละเท่า ๆ กัน ที่ทั้งหมดต้องขับรถเป็นประจำอย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมถึงมีประสบการณ์ในการขับรถไม่น้อยกว่า 10 ปี ให้ขับรถด้วยการฟังเพลงทั้งหมด 6 แนว (อาร์ แอนด์ บี, แจ๊ส, คลาสสิก, เฮฟวี่ เมทัล, เทคโน และแร็ป) ในระดับความดังเท่ากัน ด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 112.65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แนวดนตรีที่ฟังขณะขับรถ กับระยะเบรกเฉลี่ย (ณ ความเร็ว 112.65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
อาร์ แอนด์ บี – เกินระยะเป้าหมาย 4.24 เมตร (เกิดอุบัติเหตุ)
แจ๊ส – ก่อนระยะเป้าหมาย 1.29 เมตร
คลาสสิก – ก่อนระยะเป้าหมาย 2.79 เมตร
เฮฟวี่ เมทัล – ก่อนระยะเป้าหมาย 3.16 เมตร
เทคโน – ก่อนระยะเป้าหมาย 5.15 เมตร
แร็ป – ก่อนระยะเป้าหมาย 15.49 เมตร
ดังนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการฟังเพลงขณะขับรถมันเหมาะสม ควรใช้สติสมาธิให้มาก คือสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่ที่สุด