ดื่มน้ำมะนาวทุกเช้า สร้างภูมิคุ้มกัน ลดสารพิษในเลือด จริงหรือมั่ว

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเผยหลังการตรวจสอบข้อมูลเรื่อง ดื่มน้ำมะนาวตอนเช้าวันละ 1 แก้ว ช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ ผิวสะอาด สร้างภูมิคุ้มกัน และลดสารพิษในเลือด กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเป็น "ข่าวบิดเบือน" อย่าหลงเชื่อแชร์ข้อมูลผิดๆ รายละเอียดดังนี้

ข่าวบิดเบือน ดื่มน้ำมะนาวตอนเช้าวันละ 1 แก้ว ช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ ผิวสะอาด สร้างภูมิคุ้มกัน และลดสารพิษในเลือด

ตามที่มีการระบุถึงเรื่องดื่มน้ำมะนาวตอนเช้าวันละ 1 แก้ว ช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ ผิวสะอาด สร้างภูมิคุ้มกัน และลดสารพิษในเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

จากการแนะนำว่า ดื่มน้ำมะนาวตอนเช้าวันละ 1 แก้ว ช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ ผิวสะอาด สร้างภูมิคุ้มกัน และลดสารพิษในเลือด ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า การดื่มน้ำมะนาว หรือน้ำผสมมะนาวอุ่น สามารถช่วยให้ร่างกายขับถ่าย ขับของเสียออกจากร่างกายได้ เลือกดื่มในช่วงเช้าหลังตื่นนอนได้ แต่สำหรับใครที่มีโรคกรดไหลย้อนเป็นโรคประจำตัว ควรดื่มหลังรับประทานอาหารเช้า หรืออาจเป็นช่วงเวลาอื่นของวัน แต่ควรระมัดระวังในการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นก่อนนอน เพราะหากปริมาณน้ำมะนาวเข้มข้นมากเกินไป การดื่มในช่วงที่ท้องว่างอาจส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือทำให้ปวดแสบท้องได้

น้ำมะนาวช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซีต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ผิวซีด แผลหายยาก อ่อนเพลียง่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงช่วยลดอาการเจ็บคอ แต่ไม่ได้ช่วยลดสารพิษในเลือดตามที่กล่าวอ้าง

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และสามารถติดตามข่าวสารของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ที่เว็บไซต์ https://anamai.moph.go.th/th หรือ โทร. 02-590-4000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การดื่มน้ำมะนาว สามารถช่วยให้ร่างกายขับถ่าย ขับของเสียออกจากร่างกายได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซี เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงช่วยลดอาการเจ็บคอ แต่ไม่ได้ช่วยลดสารพิษในเลือดตามที่กล่าวอ้าง

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข