ภัยเงียบจากผัก ผักที่เรากินทุกวัน อาจกลายเป็นภัยเงียบ! หมอเตือนระวัง 4 ผักอันตรายที่คุณต้องรู้ ผักที่เราคิดว่าดีต่อสุขภาพกลับกลายเป็นสาเหตุของโรคร้ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไตวาย ตับอักเสบ หรือโรคอื่นๆ อีกมากมาย อยากรู้ว่าผักชนิดไหนบ้างที่เราควรระวัง และจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร? ตามมาหาคำตอบกัน
ข่าวต่างประเทศ เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายของนายจางเล่าว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน บิดารู้สึกเหนื่อยล้าและปวดตามข้อ จึงไปตรวจสุขภาพและพบว่ามีกรดยูริกในเลือดสูง แพทย์แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และอาหารมัน เพิ่มผักและผลไม้ แต่ก็เตือนว่าควรหลีกเลี่ยงผักที่มีสารพิวรีนสูง
อย่างไรก็ตาม นายจางไม่ใส่ใจคำแนะนำ เขาเชื่อว่ากรดยูริกสูงไม่ใช่โรคร้ายแรง จึงไม่ยอมกินยาหรือไปพบแพทย์อีก แม้ครอบครัวจะพยายามเกลี้ยกล่อม นายจางเริ่มหันมาบริโภคผักมากขึ้น แต่กลับเลือกผักที่แพทย์เตือนว่าควรหลีกเลี่ยง โดยคิดว่าผักทุกชนิดดีต่อสุขภาพ จนกระทั่งกรดยูเรียในเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเกิดภาวะไตวายโดยไม่รู้ตัว
สองเดือนก่อนเสียชีวิต นายจางเริ่มอ่อนแอ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการคลื่นไส้ ขาบวม ปวดตามข้อ และปัสสาวะเป็นเลือด จนต้องรีบพาไปโรงพยาบาล แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เขาเสียชีวิตจากภาวะกรดยูเรียในเลือดสูงจนไตวายเฉียบพลัน
4 ชนิดผักที่ผู้มีกรดยูริกสูงหรือโรคไตควรเลี่ยง
แพทย์หวัง หยินเฟิง จากกวางโจว เปิดเผยว่าผักที่นายจางบริโภคบ่อย ๆ มีสารพิวรีนและโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่มีกรดยูริกสูงหรือโรคไต
1. ผักโขม (Spinach) มีพิวรีนประมาณ 57-58 มก./100 กรัม มีโพแทสเซียม 500-700 มก./100 กรัม
2. ผักกาดเขียว (Mustard Greens) มีพิวรีน 50-70 มก./100 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 400 มก./100 กรัม
3. ถั่วงอก (Bean Sprouts) พิวรีนเฉลี่ย 40-60 มก./100 กรัม โพแทสเซียม 300-400 มก./100 กรัม
4. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) พิวรีนประมาณ 40-50 มก./100 กรัม โพแทสเซียมประมาณ 200-250 มก./100 กรัม
นอกจากนี้ เห็ด แม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมหรือกรดยูริกสูง ควรควบคุมปริมาณการบริโภคและผสมผสานกับอาหารที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องสุขภาพ