หัวใจวายไม่ใช่เรื่องไกลตัว สัญญาณเตือนที่ห้ามมองข้าม

มาดู “หัวใจวายไม่ใช่เรื่องไกลตัว” สัญญาณเตือนที่ห้ามมองข้าม "หัวใจวาย" หรือ "กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน" เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเสี่ยง บทความโดย หมอโอ๊ค DoctorSixpack

 

สถิติชี้ชัด โรคหัวใจในคนไทยน่ากลัวกว่าที่คิด

• คนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เฉลี่ยวันละ 200 คน
• อุบัติการณ์ของโรคนี้สูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในคนอายุต่ำกว่า 50 ปี
• ผู้หญิงวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงขึ้นหลังหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง

 

อาการเตือนโรคหัวใจวาย ที่ห้ามมองข้าม!

• เจ็บแน่นหน้าอก – อาการคล้ายโดนกดหรือบีบตรงกลางหน้าอก อาจร้าวไปแขนซ้าย กราม หรือหลัง
• หายใจไม่อิ่ม เหมือนขาดอากาศ – รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แม้ไม่ได้ออกแรงมาก
• เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม – เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
• หัวใจเต้นผิดปกติ – เร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นแบบไม่สม่ำเสมอ
• เหงื่อออกเย็น ตัวซีด คลื่นไส้อาเจียน – อาการนี้มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
• บวมที่ขา ข้อเท้า หรือหน้าท้อง – เพราะหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดี ทำให้ของเหลวคั่ง
• นอนราบแล้วหายใจไม่สะดวก – อาจเป็นสัญญาณของหัวใจล้มเหลว
• ถ้ามีอาการเหล่านี้ รีบพบแพทย์ทันที! ยิ่งเร็ว ยิ่งมีโอกาสรอด!

 

 

หัวใจวาย ไขมันอุดตันในเลือด อันตรายกว่าที่คิด!

1. หัวใจวาย ไขมันอุดตันในเลือด คืออะไร? เกิดจากอะไร?
 

หัวใจวาย หรือ Myocardial Infarction (MI) คือภาวะที่เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอจนเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งมักเกิดจากไขมันอุดตันในหลอดเลือด (Atherosclerosis) ส่งผลให้หลอดเลือดตีบแคบลง และเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี

สาเหตุหลักของภาวะนี้มาจาก

• ไขมันพอกในหลอดเลือด
• พฤติกรรมการกินที่ไม่ดี
• ขาดการออกกำลังกาย
• ความเครียด
• พันธุกรรม

 

2. หินปูนในหลอดเลือด (Arterial Plaque) คืออะไร?

"หินปูนในหลอดเลือด" หรือ Plaque เป็นคราบไขมันที่ประกอบด้วยไขมันเลว (LDL), เซลล์อักเสบ และแคลเซียม ซึ่งเกาะสะสมที่ผนังหลอดเลือด

เมื่อ Plaque เพิ่มขึ้น จะทำให้หลอดเลือดตีบและแข็งตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองน้อยลง หากแตกออก อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosis) ซึ่งเป็นสาเหตุของหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง

3. ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจวาย และไขมันอุดตันในเลือด

โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่สะสมมานานหลายปี ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่

• คอเลสเตอรอลสูง – โดยเฉพาะไขมัน LDL สูง และ HDL ต่ำ
• ความดันโลหิตสูง – ทำให้หลอดเลือดเสียหายและอักเสบ
• เบาหวาน – น้ำตาลในเลือดสูงเร่งการเกิด Plaque
• การสูบบุหรี่ – เพิ่มความเสี่ยง 2-4 เท่า
• ความอ้วน – ไขมันสะสมส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือด
• ความเครียดเรื้อรัง – ฮอร์โมนเครียด (Cortisol) ทำให้หลอดเลือดอักเสบ
• ขาดการออกกำลังกาย – ลด HDL เพิ่ม LDL และไตรกลีเซอไรด์
• อาหารไขมันสูง / น้ำตาลสูง – ตัวกระตุ้นหลักของ Plaque
• พันธุกรรม – หากพ่อแม่เป็นโรคหัวใจ เราเสี่ยงมากขึ้น
• อายุมากขึ้น – หลอดเลือดเสื่อมลงตามวัย

 

4. วิธีวินิจฉัยโรคนี้

อาการที่ต้องระวัง: เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ใจสั่น แขนซ้ายหรือขากรรไกรชา

การตรวจที่ช่วยวินิจฉัย

• ตรวจเลือดวัดไขมัน LDL, HDL, ไตรกลีเซอไรด์
• ECG (คลื่นไฟฟ้าหัวใจ) – ตรวจภาวะผิดปกติของหัวใจ
• Echocardiogram (อัลตราซาวนด์หัวใจ) – ดูการทำงานของหัวใจ
• CT Calcium Score – ตรวจหาหินปูนในหลอดเลือด
• Angiogram (ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ) – วินิจฉัยหลอดเลือดตีบ
• 5. วิธีลดความเสี่ยงโรคหัวใจวาย
• กินไขมันดี หลีกเลี่ยงไขมันเลว – เลือกน้ำมันมะกอก อะโวคาโด ปลา ลดของทอดและไขมันทรานส์
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดินเร็ว 30 นาที/วัน ช่วยเพิ่ม HDL ลด LDL
• ควบคุมน้ำหนัก – ลดไขมันสะสม ลดความเสี่ยงหลอดเลือดตีบ
• งดสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์ – ลดการอักเสบของหลอดเลือด
• นอนให้เพียงพอ – น้อยกว่า 6 ชม./คืน เสี่ยงหัวใจวายเพิ่ม 48%
• ลดน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตขัดสี – น้ำตาลสูงกระตุ้นการอักเสบในหลอดเลือด
• จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
• ตรวจสุขภาพประจำปี – ตรวจระดับไขมัน และความดันเลือด
• เสริมโอเมก้า-3 และโคเอนไซม์ Q10 – ช่วยลดการอักเสบและบำรุงหัวใจ
• กินอาหารแนว Mediterranean Diet – ช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายได้ถึง 30%
• กากใยจากพืช ผัก ผลไม้ ช่วยลดไขมันเลว (LDL) และลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้อย่างไร?

 

ไฟเบอร์ (Dietary Fiber) โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ (Soluble Fiber) มีบทบาทสำคัญในการลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ไฟเบอร์ช่วยลดไขมันเลว (LDL) ได้อย่างไร?

• ดักจับคอเลสเตอรอลในลำไส้
• ลดการดูดซึมไขมันจากอาหาร
• ลดระดับอินซูลิน และการอักเสบ
• ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้

 

อาหารที่มีไฟเบอร์สูงแนะนำ

• ข้าวโอ๊ต
• เมล็ดเจีย / เมล็ดแฟลกซ์
• อะโวคาโด
• ถั่วเปลือกแข็ง
• ผักใบเขียว
• แอปเปิล / เบอร์รี / ฝรั่ง
   

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หมอโอ๊ค DoctorSixpack