ข้าวโพดเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อมนุษย์มาอย่างย่าวนาน เนื่องจากข้าวโพดเป็นธัญพืชอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้ง อาหารสำหรับมนุษย์ จนไปถึงอาหารสัตว์ ด้วยเหตุนี้เกษตรกรจึงจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการดูแลและสายพันธุ์ข้าวโพด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับใครที่กำลังมองหาสายพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ นครสวรรค์ 5 พร้อมเคล็ดลับการใส่ปุ๋ย ที่จะช่วยให้เกษตรกรได้รับผลผลิตที่ดีขึ้น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ นครสวรรค์ 5 เดิมมีรหัส NSX052014 โดยสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์มรามีอายุค่อนข้างสั้น สามารถเก็บเกี่ยวเมื่อ 95 – 100 วันโดยสายพันธุ์นี้เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei462013 (ตากฟ้า 7) เป็นแม่พันธุ์ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei452009 (ตากฟ้า 5) เป็นพ่อพันธุ์ โดยลักษณะฝักข้าวโพดจะมี เมล็ดเป็นชนิดกึ่งหัวแข็ง สีส้มเหลือง
ลักษณะเด่นของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5
ผลผลิตสูง เฉลี่ย 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ใกล้เคียงกับพันธุ์ลูกผสมการค้า
มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 720 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อกระทบแล้งช่วงออกดอกนานหนึ่งเดือน (ผลผลิตลดลง 39% จากสภาพฝนปกติ)
ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่และโรคราสนิม ต้านทานปานกลางต่อโรคราน้ำค้างและโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส Maize dwarf mosaic virus
ฝักแห้งเร็วในขณะที่ต้นยังเขียวสด ทำให้เก็บเกี่ยวได้เร็ว มีความชื้นขณะเก็บเกี่ยวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ ที่ปลูกพร้อมกัน
เทคนิคการบำรุงใส่ปุ๋ย
สำหรับการปลูกปลูกข้าวโพดนั้น ถ้าอยากให้ได้ผลผลิตที่ดี มีหลายปัจจัยที่โดยอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ที่จะทำให้ข้าวโพดได้ผลผลิตที่สูง คือการบำรุงใส่ปุ๋ย โดยควรเลือกปุ๋ยให้ตรงกับช่วงวัยของข้าวโพดดังนี้
ปุ๋ยรองพื้น ควรใส่รองก้นหลุมหรือโรยเป็นแถวแล้วกลบพร้อมปลูก ถ้าใช้เครื่องปลูกจะมีถังสำหรับใส่ปุ๋ยพร้อมอยู่แล้ว ถ้าปลูกด้วยมือ ควรหยอดปุ๋ยที่ก้นหลุมแล้วกลบดินบาง ๆ ก่อนหยอดเมล็ด ไม่ควรให้ปุ๋ยสัมผัสกับเมล็ดโดยตรง เพราะอาจทำให้เมล็ดเน่าได้ ปุ๋ยรองพื้นที่ใช้ อาจใช้สูตร 16 – 20 – 0, 15 – 15 – 15 , 20 – 20 – 0 หรือสูตรอื่นๆ ตามความเหมาะสมถ้าเป็นไปได้ ควรมีการวิเคราะห์ดิน เพื่อหาสูตรปุ๋ยที่เหมาะกับพื้นที่ โดยปุ๋ยรองพื้น ควรใส่อัตราประมาณ 25 – 30 กิโลกรัม/ไร่
ปุ๋ยแต่งหน้า หลังจากปลูกประมาณ 25 – 30 วัน ควรมีการใส่ปุ๋ยอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ปุ๋ยยูเรีย (46 – 0 – 0) โรยข้างต้นในอัตรา 20 – 25 กิโลกรัม/ไร่ ใส่ขณะดินมีความชื้นหรือใส่แล้วกลบด้วยเครื่องทำรุ่นพูนโคน
ทั้งนี้ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ควรปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ควรศึกษาสายพันธุ์ข้าวโพดที่ตรงตามความต้องการเนื่องจากปัจจุบันข้าวโพดมีหลายสายพันธุ์ โดยให้เลือกพันธุ์ที่งอกมากกว่า 80% จะได้ความแข็งแรงสูง เหมาะกับการนำมาปลูกในดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนดินเหนียว ปลูกแบบเว้นแถวละ 75 ซม. ระยะห่างต้น 20 ซม. 1 หลุ่มให้หยอด 1 เมล็ด ไร่ละ 3 – 3.5 กก. ก็จะได้ต้นที่มีต่อไร่ที่ 10,000 – 11,000 ต้น
สนับสนุนโดย : ปุ๋ยมงกุฎ