ไขข้อสงสัย! Rolls-Royce มีประกันชั้น 1 แบบนี้กระบะต้องจ่ายค่าซ่อมไหม?
หากรถมีประกันชั้น 1 ทั้งคู่สบายใจได้เลย
โดยหลักการแล้วเมื่อรถยนต์ 2 คันเกิดการเฉี่ยวชนกัน หากทั้งสองฝ่ายทำประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองไว้ แบบนี้เจ้าของรถสามารถสบายใจได้เลย เพราะจะถือว่าเป็นเรื่องของบริษัทประกันภัยที่จะเคลียร์ค่าใช้จ่ายหลังบ้านให้ทั้งหมด (หรือตามวงเงินคุ้มครองสูงสุด) เพียงแค่ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด จากนั้นถือใบเคลมนำรถเข้าซ๋อมที่อู่ในเครือประกันได้เลย
หากฝ่ายถูกมีประกันชั้น 1 แต่ฝ่ายผิดไม่มีประกัน อันนี้อาจจะเกิดปัญหา
กรณีรถคันที่ถูกชนมีประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองอยู่ แต่ฝ่ายผิดไม่ได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจ กรณีเช่นนี้บอกได้เลยว่าเจ็บหนักแน่นอน เพราะบริษัทประกันภัยของคู่กรณีจะดำเนินการจ่ายค่าซ่อมแซมความเสียหายให้กับคู่กรณีไปก่อน เมื่อได้ตัวเลขมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจนแล้ว ก็จะมาเรียกเก็บจำนวนเงินดังกล่าวกับฝ่ายผิดทีหลัง ยิ่งถ้าเป็นประกันชั้น 1 แบบซ่อมศูนย์ด้วยแล้วล่ะก็ มูลค่าความเสียหายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายล้วนแต่ไม่มีประกันคุ้มครอง อันนี้ยังพอเจรจาลดหย่อนมูลค่าความเสียหายได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของบุคคลสองฝ่าย แต่หากคู่กรณีมีประกันคุ้มครองอยู่ กลายเป็นว่าฝ่ายผิดจะต้องไปเจรจากับบริษัทประกันโดยตรง ซึ่งมีการรักษาผลประโยชน์ของตนเองอย่างเข้มแข็ง หากมีการเบี้ยวหนี้ไม่ชำระแล้วล่ะก็ อาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้เลย
สำหรับใครที่ทำประกันชั้น 3
ระกันชั้น 3 ที่มีค่าเบี้ยประมาณ 2,000 - 3,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ อย่างน้อยก็ตัดปัญหาค่าซ่อมของฝั่งคู่กรณีไปได้
ปล. ในกรณีที่เราต้องขับรถยนต์บนท้องถนน สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ เราต้องเครพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุลงได้ครับ