พาไปชม 8 รถมือสอง ราคาร่วงหนัก น่าจับจองเป็นเจ้าของในปี 2024 !
1.Toyota Camry (ACV50) รุ่นปี 2012 - 2018
ราคาโดยประมาณ: 380,000 - 750,000 บาท
Toyota Camry รหัสตัวถัง ACV50 ถือว่ายังสดใหม่น่าใช้ โดยเฉพาะโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่ปีไม่ลึกนัก ยิ่งได้รุ่นไฮบริดยิ่งประหยัดน้ำมัน แนะนำว่าควรหารถบ้านแท้ๆ มากกว่าจะเป็นรถบริษัทซึ่งส่วนมากผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนัก ส่วนเรื่องการซ่อมบำรุงยังสบายใจได้อีกยาว แถมยังสามารถหาสภาพดีๆ ได้ในราคาเริ่มต้นป้วนเปี้ยนราว 4 แสนบาทเท่านั้น
2.Nissan Teana L33 รุ่นปี 2013 - 2019
ราคาโดยประมาณ: 320,000 - 590,000 บาท
Nissan Teana L33 ถือเป็นโมเดลสุดท้ายที่ทำตลาดในประเทศไทย มีจุดขายอยู่ที่ห้องโดยสารกว้างขวางและเงียบไม่แพ้เจ้าตลาด แม้เครื่องยนต์จะมีเฉพาะเบนซิน 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตรไม่มีไฮบริด แต่ก็ปรับปรุงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าโฉม J32 ก่อนหน้านี้มาก แถมรถส่วนใหญ่ในตลาดมีราคาไม่ข้าม 4 แสนบาท แลกกับปีที่ไม่เก่าจนเกินไปนัก ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่าอย่างยิ่งทีเดียว
3. Nissan X-Trail / X-Trail Hybrid
ราคาโดยประมาณ: 380,000 - 590,000 บาท
ถ้าอยากลองคบเอสยูวี Nissan X-Trail ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งเมื่อมองราคามือสองอยู่ในระดับ 4 แสนบาทบวกลบ ยิ่งทำให้รถรุ่นนี้น่าเล่นไม่น้อย ถ้าอยากประหยัดจะหันไปคบกับรุ่นไฮบริดก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ก็ต้องมองหาลู่ทางเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริดเอาไว้ด้วย
4. Honda HR-V รุ่นปี 2014 - 2021
ราคาโดยประมาณ: 380,000 - 690,000 บาท
ปัจจุบัน Honda HR-V โฉมแรกสามารถหาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นไม่ข้าม 4 แสนบาท แลกกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และห้องโดยสารกว้างขวางกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่เน้นว่าควรหารถที่มีสภาพดี ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ยังทำงานได้อย่างสมบูรณ์ รับรองใช้งานได้อีกยาว
5. Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2014 - 2019
ราคาโดยประมาณ: 250,000 - 390,000 บาท
โตโยต้า อัลติส เป็นรถที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอึด ถึก ทน บำรุงรักษาง่าย อะไหล่ทางเลือกเพียบ กำเงินราว 3 แสนบาทก็เป็นเจ้าของได้แล้ว ถ้าอยากประหยัดก็ไม่ต้องง้อไฮบริด เพราะเอาไปติด LPG เลือกร้านดีๆ หน่อย ใช้งานสบายหายห่วง พิสูจน์จากรถแท็กซี่ที่วิ่งกันเป็นล้านกิโลเมตรมาแล้ว
6. Nissan Sylphy รุ่นปี 2012 - 2019
ราคาโดยประมาณ: 190,000 - 320,000 บาท
ถ้าคิดว่าอัลติสแอบแพงไปนิดก็ลองดู Nissan Sylphy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็ได้ เพราะถือเป็นรถน่าใช้ไม่แพ้กัน แถมออปชันยังมีให้แบบครบๆ โดยเฉพาะรุ่น 1.8 ที่มีแอร์ตอนหลังมาให้ แต่อาการประจำรุ่นคือพัดลมหม้อน้ำไม่หมุน อาจนำไปสู่อาการโอเวอร์ฮีต จึงต้องตรวจเช็กเรื่องฝาสูบโก่งว่ามีการแก้ไขมาแล้วหรือไม่ควบคู่กันไปด้วย
7. Volvo S60 / V60 รุ่นปี 2013 - 2017
ราคาโดยประมาณ: 280,000 - 690,000 บาท
หากใครเป็นสายยุโรปอยากเน้นความหล่อหรูแล้วล่ะก็ Volvo S60 และ V60 ปัจจุบันมีราคาขายต่อหล่นฮวบฮาบจนน่าใจหาย กำเงินแค่ 3 แสนกว่าบาทก็เป็นเจ้าของได้แล้ว แต่เน้นว่าควรเลือกรหัส T4F ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่สดใหม่และจุกจิกน้อยกว่า หรือจะข้ามไปเล่นเครื่องดีเซล D3 หรือ D4 ก็ประหยัดน้ำมันแบบถึงใจ เพียงแต่จะหายากกว่า และมีราคามือสองค่อนข้างโดดไปไกลพอสมควร
8. Mercedes-Benz C350e (W205) รุ่นปี 2016 - 2019
ราคาโดยประมาณ: 650,000 - 1,100,000
ใครจะเชื่อว่ารถเบนซ์ ซี-คลาส อายุไม่ถึง 7 ปี ราคาจะหล่นเหลือไม่ถึงล้านบาท แต่ใครจะเล่นรหัส C350e เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ก็ต้องเสี่ยงดวงในเรื่องแบตเตอรี่ไฮบริดกันหน่อย เพราะค่าเปลี่ยนแบตยังค่อนข้างสูง ส่วนอาการประจำรุ่นคือช่วงล่างถุงลมที่ชอบปล่อยให้ตัวรถลงไปนอนกับพื้น หากยอมเปลี่ยนเป็นคอยล์สปริงก็หายห่วงดี ไม่อย่างนั้นก็หันไปเล่นตัวเบนซินล้วน เช่น C180 และ C250 หรือเพิ่มเงินข้ามไปเล่นรหัส C300e ที่แก้ปัญหาหลายอย่างแล้วไปเลย
โดยทั้ง 8 รุ่นนี้มีช่วงเวลา อยู่ 7-8 ปี เหมาะสม สำหรับการใช้งานเนื่องจากมีราคาที่ประหยัดและได้รับฟังก์ชันการใช้งานไม่ต่างจากรถมือหนึ่ง และยังคงเป็นที่ต้องการในท้องตลาดในยุคปัจจุบันนี้อีกด้วย
ปล. ข้อเเนะนำ ควรซื้อรถจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ ควรหาผู้เชี่ยวชาญ ในการดูรถคันนั้นว่า ไม่มีการชน ตัดต่อตัวถัง หรือ จมน้ำ