"อินโนพาวเวอร์" จ่อตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในไทย ด้วยงบ 500 ล้าน!

19 มีนาคม 2567

"อินโนพาวเวอร์" บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมพลังงาน ที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตร ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ล่าสุด ทุ่ม 500 ล้าน จ่อตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในไทย

"อินโนพาวเวอร์" จ่อตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในไทย ด้วยงบ 500 ล้าน!

\"อินโนพาวเวอร์\" จ่อตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในไทย ด้วยงบ 500 ล้าน!

วันที่ 19 มีนาคม 2567 นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตทั้งด้านรายได้จะเติบโต 100% เป็น 300 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีประมาณ 150.4 ล้านบาท ทั้งยังวางเป้าหมายด้านการลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็น 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1 ล้านตัน หรือลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น 100% เช่นกัน

นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด

ล่าสุดขณะนี้บริษัทร่วมมกับบพันธมิตร จากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรม EV (EV menufacturer) อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจโรงงานประกอบรถ EVขึ้นในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าหากได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 จะนำไปสู่การลงทุนในเฟสแรกใช้งบประมาณ 400-500 ล้านบาท ธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจใหม่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม mobility 

\"อินโนพาวเวอร์\" จ่อตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในไทย ด้วยงบ 500 ล้าน!

ซึ่งธุรกิจกลุ่มmobilityนี้ นอกจากจะมีการทำเครื่องชาร์จ EleXa แล้วยังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าไปเป็นไปส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV Value Chain) ให้ครบเพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตัวอย่างโครงการในปีนี้ ได้แก่ การบริหารจัดการ Fleet Card หรือบัตรชำระค่าอัดประจุไฟฟ้าของรถ EV สำหรับองค์กรอีกด้วย

พร้อมกันนี้ อินโนพาวเวอร์ วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 ผ่าน Decarbonization Partner หรือการเป็นพันธมิตร พิชิตคาร์บอน ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวรับมือกระแส Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ที่ต้องการได้รับคำแนะนำ แนวทางการบริหารจัดการคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่เหมาะสม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ช่วยผู้ประกอบการก้าวข้ามขีดจำกัดในการแข่งขันที่ต้องคำนึงถึง ESG หรือการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Environmental) 

สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้ได้พันธมิตร 100 ราย

สำหรับกิจกรรมและการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Decarbonization Partner บริษัทฯ มีโซลูชันและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ประกอบด้วย 1)Greenhouse Gas Report (GHG) หรือแพลตฟอร์ม GHG สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการสร้าง Awareness หรือความตระหนักรู้ให้แก่บริษัทผู้ประกอบการสำรวจธุรกิจของตนเองว่ามีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับใด เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจในการเข้าถึงเป้าหมายไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ซึ่งในช่วงนี้แพลตฟอร์ม GHG จะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ใช้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าในจำนวนจำกัด จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมสำรวจธุรกิจของตนเองเพื่อวางแผนได้อย่างเหมาะสม

2)Renewable Energy Certificate (REC) หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนการขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกใบรับรอง REC ให้กับผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 2 ล้านREC โดยในปี 2567 ได้ขยายการออกใบรับรองให้เข้าถึงองค์กรและประชาชนรายย่อยครั้งแรกในประเทศไทยโดยร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย

3)Energy Ignition Ventures (EIV)  หรือการลงทุนในกองทุนและสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ร่วมกับ TRIREC ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital) จากประเทศสิงคโปร์ โดยมีแผนการลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่ม Decarbonization Technology ที่เริ่มเติบโตมาแล้วระยะหนึ่ง และมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 

โดยมองว่า หลายๆ บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการลงทุนสามารถนำเทคโนโลยีมาต่อยอดกับธุรกิจของตนได้ ซึ่งในเรื่องความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจพลังงานเท่านั้น ยังกระจายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ด้วย โดยตั้งเป้าหมายกองทุน EIV ในการระดมทุนไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 40 ล้านดอลลาร์

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงของการก่อตั้งธุรกิจ บริษัทฯ มีรายได้รวม 150.4 ล้านบาท เติบโต 700% จากปี 2565

โดยในแต่ละธุรกิจมีการเติบโต ดังนี้ ในส่วนของ Future of Energy (พลังงานแห่งอนาคต) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด และ Sustainability (นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน) การให้คำปรึกษา การบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนในองค์กร และการจัดหาซื้อขายใบรับรองไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) เติบโตเพิ่มขึ้น 616% จากปี 2565 

ในส่วนของ Future of Mobility (วิถีการเดินทางแห่งอนาคต) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโต 703% จากปี 2565  โดยกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% 

“ผมมองว่าการขยายตัวทางธุรกิจของอินโนพาวเวอร์ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งกับปีแรกของการดำเนินธุรกิจ และจากการที่ทีมได้ทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ต่ออินโนพาวเวอร์ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แม้ว่ายังเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดและกลุ่มลูกค้ามากนัก แต่บริษัทมีความมุ่งมั่น และทุ่มเทเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และในปี 2567 
น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งสำหรับอินโนพาวเวอร์ในการขับเคลื่อน Decarbonization Partner พร้อมให้ความมั่นใจกับพันธมิตรที่ร่วมพิชิตลดคาร์บอนได้ว่า เราจะใช้ความรู้ และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญช่วยให้พันธมิตรของเราบรรลุเป้าหมายที่มุ่งสู่ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิผล ด้วยการลงทุนอย่างเหมาะสม” 
นายอธิป กล่าว