วันฮาโลวีน เทศกาลที่เด็กๆ ต่างรอคอยที่จะได้พูดคำฮิต Trick or treat วันนี้ทีมข่าว Thainews Online จะพาทุกท่านมาทำความรู้จัก ต้นกำเนิด วันฮาโลวีน เทศกาลปล่อยผี 31 ตุลาคม แบบเจาะลึก ว่ามีความสำคัญอย่างไร และมีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง พร้อมพาไปดูคำทำนาย คนที่เกิดวันฮาโลวีน ไปดูกันค่ะ
เกิดวันฮาโลวีน
สำหรับ คนเกิดเดือนตุลาคม มีความเชื่อโบราณ เชื่อกันว่า คนที่เกิดในเดือนนี้เป็นได้ทั้งราศีตุลย์และราศีพิจิก เราจะพาไปเจาะลึกตัวตนคนที่เกิดในวันฮาโลวีนกันค่ะ
โดยทั่วไป คนเกิดวันฮาโลวีน จะเป็นคนที่รักสงบ ชอบประนีประนอม ส่วนคนที่เกิดราศีพิจิก มีแนวโน้มว่าเป็นคนตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์มากที่สุด เรื่องสุขภาพ คนเกิดเดือนตุลาคมมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหอบหืดมากกว่าคนเกิดในเดือนอื่นๆ และคนเกิดตุลาคมมีร่างกายแข็งแรงมากกว่าชาวราศีอื่นเช่นกัน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะมีอายุยืนนาน 100 ปีเลยทีเดียว บทความนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
วันฮาโลวีน ของ ไทย
ฮาโลวีน พ.ศ. 2565 ตรงกับวัน วันจันทร์, 31 ตุลาคม
วันฮาโลวีน ทำอะไรบ้าง
สำหรับ วันฮาโลวีน กิจกรรมที่จะทำร่วมกันก็จะมี เช่น การร่วมรับประทานอาหารด้วยกันกับครอบครัว การตั้งวงเล่าเรื่องผี การให้เด็กๆแต่งตัวไปเคาะประตูบ้านเพื่อขออาหารหรือขอเงิน ส่วนหญิงสาวก็จะไปนั่งหน้ากระจกปลอกแอปเปิลทำนายหน้าตาสามีในอนาคต
ประวัติวันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน จะตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เชื่อว่ามีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์ (Celt) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่เรียกว่า Samhain ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย โดยชาวเซลท์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์เชื่อกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้นปีใหม่
จากความเชื่อที่ว่า วันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงเดือดร้อนถึงคนเป็นต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ทำให้ชาวเซลท์ต้องปิดไฟทุกดวงในบ้านให้อากาศหนาวเย็น เพื่อให้ไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย
นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด เช่น ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป พร้อมกันนี้ คืนดังกล่าวยังเป็นคืนเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจมีการนำสัตว์ หรือพืชผลมาบูชายัญให้กับเหล่าภูติผี และวิญญาณด้วย หลังจากคืนนั้นไฟทุกดวงจะถูกดับ และจุดขึ้นใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา “คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง” เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซลท์ แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน
ในสมัยต่อมาชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอก ศาสนาคริสต์ เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายน ให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints’ Day หรือ All Hallows’ Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallows’ Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween
วันฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ
สำหรับ วันฮาโลวีน เขียนได้ดังนี้ Halloween หรือ Halloween Day
วันฮาโลวีน มีอะไรบ้าง
เทศกาลปล่อยผี
ความเชื่อเทศกาลปล่อยผี มีมากว่า 2,000 ปี จากความเชื่อของชาวเซลติก (ชนพื้นเมืองตอนเหนือของยุโรป) ระบุเอาไว้ว่า ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็น เทศกาลบูชาเทพเจ้าแห่งความตาย ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว โดยจะนำเหล้า และอาหารออกมาวางนอกบ้าน เพื่อให้เทพเจ้าแห่งความตายได้ดื่มกิน แต่บ้างก็ว่า วันที่ 31 ตุลาคม เป็น วันปล่อยผี (คงคล้ายๆ กับวันทำบุญเดือนสิบของไทย)
ในวันปล่อยผีนี้เหล่าวิญญาณจะกลับมายังโลก เพื่อเข้าสิงร่างของคนที่มีชีวิตอยู่ ชาวบ้านที่กลัวว่าจะถูกวิญญาณเข้าสิงก็จะทำการดับเตาไฟในบ้าน เพื่อบ้านจะได้หนาวเย็น วิญญาณจะได้ไม่อยากเข้ามา และต่อจากนั้น ก็จะออกไปรวมตัวกันก่อกองไฟเพื่อให้วิญญาณกลัว นอกจากนี้ยังแต่งตัวให้เหมือนผี เดินขบวนส่งเสียงร้องไปรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อให้วิญญาณเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกัน
ประวัติวันฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ
Halloween ความหมาย Halloween "Trick or treat" มีความสำคัญอย่างไร ฮาโลวีนความหมาย และประวัติวันฮาโลวีนภาษาอังกฤษ ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eves ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำว่า Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen
ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำว่า Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ) คำว่า Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ ดังนั้น All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Christmas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไป หลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)