"หน่อไม้" ของโปรดใครหลายๆคน นอกจากความอร่อยและนำไปทำเมนูได้หลากหลายแล้วรู้หรือไม่ว่าหน่อไม้นั้นมีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายเยอะมาก แถมช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนัก สาวๆรักสวยรักงามกินได้ไม่ต้องห่วง แต่ต้องเป็นหน่อไม้สดนะ และคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อควรงดกินเพราะหน่อไม้มีสารพิวรีนสูง เป็นสารต้นแบบในการผลิตกรดยูริก ซึ่งถ้ามีมากไป ก็จะสะสมตามข้อต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เป็นโรคเก๊าฑ์ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
วันนี้ทางทำกินรวมเอาประโยชน์ของการกิน "หน่อไม้" มาฝาก ของดีจากธรรมชาติที่อุดมด้วยสารอาหารมากมาย
1. อุดมด้วยสารอาหาร
หน่อไม้เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น อุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน โพแทสเซียม แมงกานีส วิตามินอี วิตามินบี 6 และวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมายที่จำเป็นต่อการรักษาสุขภาพที่ดี
2. ช่วยการควบคุมน้ำหนัก
หน่อไม้มีแคลอรีต่ำและมีไฟเบอร์สูง ซึ่งสามารถช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดการกินปริมาณอาหารโดยรวม อีกทั้งปริมาณไฟเบอร์ยังช่วยในการย่อยอาหารและส่งเสริมระบบเผาผลาญที่ดีต่อสุขภาพ
3. ช่วยบำรุงทางเดินอาหาร
หน่อไม้อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณไฟเบอร์ยัช่วยการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ที่เป็นประโยชน์ ส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง
4. บำรุงสุขภาพหัวใจ
หน่อไม้มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ เช่น ลิกแนน กรดฟีนอลิก และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตและรักษาระดับคอเลสเตอรอล การบริโภคหน่อไม้จึงสามารถช่วยรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงได้
5. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
หน่อไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน สารอาหารเหล่านี้ช่วยปกป้องร่างกายจากโรคต่างๆ โดยเสริมสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
6. ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกาย
หน่อไม้มีซิลิกา ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและช่วยรักษาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันให้แข็งแรง การใส่หน่อไม้ในอาหารสามารถช่วยรักษาบาดแผลและส่งเสริมสุขภาพผิวโดยรวมให้ผ่องใสมากยิ่งขึ้น
7. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ปริมาณเส้นใยสูงในหน่อไม้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในกระแสเลือดซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน
8. ป้องกันภาวะโลหิตจาง
หน่อไม้อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง อีกทั้งมีฤทธิ์เย็น ช่วยแก้กระหาย แก้ร้อนใน และปรับสมดุลในร่างกายอีกด้วย