หอยแครง แสนอร่อย ประโยชน์เพียบ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง

20 มิถุนายน 2567

ทางทำกินรวมประโยชน์ของ "หอยแครง" เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมเคล็ดลับลวกหอยแครงให้ได้ความสุกที่ใช่

"หอยแครง" แสนอร่อย ของโปรดใครหลายๆคน เอามาทำอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งลวกกินกับน้ำจิ้มรสแซ่บ หรือจะนำไปเผา ไปยำ ไปต้มก็ได้ทั้งนั้น รู้ไหมนอกจากความอร่อยแล้วหอยแครงมีประโยชน์อะไรบ้าง ทางทำกินมีคำตอบมาให้ บอกเลยว่าดีเกินคาด

 

หอยแครง แสนอร่อย ประโยชน์เพียบ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง

หอยแครง แสนอร่อย ประโยชน์เพียบ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง

 

หอยแครง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

- หอยแครงกินแล้ว ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง หอยแครงอุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง หอยแครงจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่ขาดธาตุเหล็ก คนที่มีภาวะเป็นโรคโลหิตจาง เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับสาวๆ ในช่วงที่มีประจำเดือนด้วย

- กินหอยแครงป้องกันสิว เพราะในหอยแครงอุดมด้วยสังกะสี หรือ Zinc จำนวนมาก ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดสิว ทำให้ผู้ที่เป็นสิวหายได้เร็วขึ้น

- กินหอยแครงลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยขับลม ลดอาการท้องป่อง อาการจุกเสียด แน่นท้อง 

- หอยแครง กินแล้วช่วยบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากหอยแครงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส เสริมคอลลาเจนในชั้นผิว 

หอยแครง แสนอร่อย ประโยชน์เพียบ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง

 

เคล็ดลับจับเวลา ลวกหอยแครงกี่นาทีได้เนื้อแบบไหนบ้าง

- 20 วินาที  : เนื้อหอยจะสุกพอประมาณพอสะดุ้งน้ำ เมื่อแกะออกมาเลือดยังมีสีแดงสดอยู่ ซึ่งความสุกระดับนี้ หอยแครงจะยังมีความคาวอยู่พอสมควร

- 30 วินาที  : เนื้อหอยแครงจะเริ่มสุกกำลังดี เนื้อกรอบ เด้ง แต่ชุ่มฉ่ำ แกะออกมายังมีเลือดอยู่ แต่เลือดจะไม่ใช่สีแดงสด จะเริ่มออกสีน้ำตาลแดงค่อนไปทางเข้ม ส่วนใหญ่จะนิยมกินที่ความสุกระดับนี้

- 1 นาที  : เนื้อหอยแครงจะมีสีเข้มขึ้น ไม่เป็นสีอมชมพู แกะออกมาจะไม่มีเลือด เนื้อเด้ง ยังนุ่มอยู่ และไม่มีกลิ่นคาวของเลือดหอยแครง

- 2 นาที  : เป็นระดับความสุกที่เต็มที่ เนื้อหอยแครงจะหด มีความเหนียวเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินเลือด และไม่ชอบกลิ่นคาวของหอย กำลังกินได้ง่ายๆ