ผลวิจัยชี้ "นอนกลางวัน" มีความเสี่ยง อาจจะเป็น "ความดันสูง-หลอดเลือดสมอง" นักวิจัยจีนพบ การนอนหลับตอนกลางวันมากขึ้น อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคความดันโลหิตสูง หรือ โรคหลอดเลือดสมองตีบ อันตรายถึงชีวิต
ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุทั่วโลก โรคความดันโลหิตสูง เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตหลักที่มีต้นตอจาก โรคหัวใจ และหลอดเลือด ขณะโรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะพิการ โดยการศึกษาช่วงต้นพบว่าผู้คนจะมีความดันโลหิตสูงขึ้นหลังจากนอน
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารไฮเปอร์เทนชัน (Hypertension) ระบุว่า ยูเค ไบโอแบงก์ (UK Biobank) ฐานข้อมูลชีวการแพทย์ขนาดใหญ่ของสหราชอาณาจักร ได้รวบรวมข้อมูลพันธุกรรม วิถีชีวิต และสุขภาพจากอาสาสมัครชาวสหราชอาณาจักรกว่า 500,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 40-69 ปี โดยมีทีมวิจัยจากโรงพยาบาลเซียงหย่า สังกัดมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลเซาธ์ (CSU) ทำการวิเคราะห์การถดถอยค็อกซ์ (Cox regression) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการวิเคราะห์อัตราการมีชีวิตรอด ในกลุ่มผู้เข้าร่วม 358,451 คนจากฐานข้อมูล ที่ไม่เป็น โรคความดันโลหิตสูงหรือ โรคหลอดเลือดสมอง
บรรดาผู้เชี่ยวชาญดำเนินการศึกษาที่เกี่ยวข้องผ่านการสุ่มแบบเมนเดล (Mendelian randomization) และพบว่า ผู้ที่งีบหลับบ่อยเสี่ยงเผชิญโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมองตีบมากกว่าผู้ที่ไม่เคยงีบหลับ 12% และ 24% ตามลำดับ
ผลลัพธ์นี้บ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างความถี่ในการงีบหลับตอนกลางวัน กับโอกาสการเกิดโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดสมอง
หวัง เอ้อ หัวหน้าทีมวิจัยดังกล่าว เปิดเผยว่า แม้การศึกษานี้จะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุในยุโรป แต่อ้างอิงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของการศึกษาทางคลินิก จึงถือเป็นภาพสะท้อนกลุ่มประชากรโดยทั่วไป
"กลไกภายในของความเชื่อมโยงระหว่างการงีบหลับกับโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ นั้นยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนและจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม" หวังกล่าวปิดท้าย
Cr.ซินหัว