อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด
ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นแหล่งของวิตามินต่าง ๆ วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเค รวมทั้งแร่ธาตุและสารอาหารอื่น ๆ เช่น แคลเซียม ซีลีเนียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก กรดอะมิโน และคลอโรฟิลล์ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดเชื้อ และต้านอนุมูลอิสระ
ต้านมะเร็ง
ผลการวิจัยหลายชิ้นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในต้นอ่อนข้าวสาลีอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าสารที่ได้จากสกัดต้นอ่อนข้าวสาลีอาจยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งกล่องเสียงได้
ต้านการอักเสบ
คลอโรฟิลล์ในต้นอ่อนข้าวสาลีมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จึงอาจมีประโยชน์ต่อการลดภาวะเครียดออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นภาวะความไม่สมดุลกันระหว่างอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ต้นอ่อนข้าวสาลีอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าต้นอ่อนข้าวสาลีอาจมีคุณสมบัติช่วยในการรักษาโรคเบาหวานได้
ข้อควรระวัง
ต้นอ่อนข้าวสาลีมักปลูกในดินหรือปลูกโดยใช้น้ำ และนำต้นอ่อนสดมาคั้นน้ำดื่ม จึงอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ง่าย ปริมาณการรับประทานต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรระมัดระวัง เนื่องจากบางคนอาจมีอาการผิดปกติเช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานเกินกว่าปริมาณที่แนะนำ หากมีอาการดังกล่าวหลังรับประทาน ควรลดปริมาณการรับประทานลง ซึ่งโดยทั่วไปอาการมักดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หรือหลังจากร่างกายปรับตัวกับการรับประทานต้นอ่อนข้าวสาลีได้
. ผู้ป่วยโรคเซลิแอค หรือมีอาการแพ้กลูเตน แม้ว่าต้นอ่อนข้าวสาลีจะจัดเป็นพืชที่ไม่มีกลูเตน แต่หากมีอาการของโรคเซลิแอค ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานต้นอ่อนข้าวสาลีเสมอ
. ผู้ที่มีอาการแพ้ข้าวสาลีหรือแพ้หญ้า ไม่ควรรับประทานต้นอ่อนข้าวสาลี