เผย! 3 กลุ่มอาหารช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้
เริ่มกันที่อาหารที่ต้องเลี่ยงกันก่อนเลย
สิ่งที่กระตุ้นให้คนหนึ่งปวดไมเกรนอาจไม่กระตุ้นอาการของคนอื่นก็ได้ วิธีดีที่สุดที่จะพิจารณาว่าอาหารมีผลต่ออาการไมเกรนของคุณหรือไม่ ได้แก่ ทำบันทึกอาหารที่กิน เมื่อเกิดอาการปวดศีรษะพยายามนึกดูว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 12 ชั่วโมงก่อนนั้น ถ้าคุณพอดูออกแล้ว ควรงดอาหารชนิดนั้นสัก 2 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วค่อยกลับไปลองกินดูอีกครั้งว่ายังทำให้เกิดอาการไหม แต่อย่าลืมว่าที่สำคัญพอ ๆ กับงดอาหารที่อาจกระตุ้นอาการ คือ ห้ามอดอาหาร เพราะการไม่กินตามปกติก็อาจทำให้เกิดไมเกรนเช่นกัน
3 กลุ่มอาหารอุดมด้วยแมกนีเซียม
1.อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม
จากผลการวิจัยในกลุ่มผู้หญิงผิวขาวส่วนใหญ่พบว่าแมกนีเซียมอาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม อะโวคาโด และปลาทูน่า
แมกนีเซียม แร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิต ระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีระดับแมกนีเซียมต่ำ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคไมเกรนมากกว่า การได้รับแมกนีเซียมในปริมาณที่เพียงพอ อาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรน
อาหารอุดมไปด้วยแมกนีเซียม
2.อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3
จากผลการวิจัยพบว่า การเพิ่มปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนในผู้ป่วยได้ อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลา เมล็ดพืช และถั่วต่างๆ
กรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร มีบทบาทสำคัญต่อระบบประสาท สมอง หัวใจ และหลอดเลือด
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีระดับกรดไขมันโอเมก้า 3 ต่ำ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคไมเกรนมากกว่าการได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอ อาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรน
อาหารอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3
3.อาหารคีโตเจนิก
อาหารคีโตเจนิกอาจไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน แต่ผลการวิจัยที่เชื่อถือได้ ชี้ให้เห็นว่าการทานอาหารคีโต อาจช่วยลดจำนวนครั้งของอาการปวดหัวไมเกรน เมื่อเปรียบเทียบกับการทานอาหารแบบปกติ การทานอาหารคีโตเน้นการทานอาหารที่ คาร์โบไฮเดรตต่ำ และ ไขมันสูง ตัวอย่างอาหารคีโต ได้แก่ อาหารทะเล ผักที่ไม่มีแป้ง และไข่
ทั้งนี้แนวทางการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนที่เหมาะสมคือ การปรับจากพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่กระตุ้นการเกิดไมเกรน นอกจากนี้ การใช้ยาเพื่อป้องกันและรักษา ก็นับได้ว่ามีประสิทธิภาพที่ดีเลยทีเดียว แต่ยาบางชนิดก็อาจมีผลข้างเคียงที่ต้องระมัดระวังในการใช้ และไม่ควรเลือกใช้เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
สุดท้ายนี้ เราควรศึกษาโรคนี้ให้รู้เท่าทันและไม่ตื่นตระหนกเกินไป ถ้าเรามีอาการปวดหัวไม่ว่าจะมาจากสาเหตุของไมเกรนหรือไม่ก็ตาม หากยังมีอาการปวดหัวหนักขึ้นหรือเป็นอยู่เรื่อย ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจโรคและรับรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด