Ford Mustang Dark Horse 2024 ม้าป่าตัวท็อป ขุมพลัง 507 แรงม้า

Ford Mustang Dark Horse 2024 ม้าป่าตัวท็อป ขุมพลัง 507 แรงม้า 

โดยทางด้าน Carrie Kennerly ผู้ออกแบบสีและวัสดุอาวุโสของ Ford เปิดเผยในแถลงการณ์ครั้งนี้ ว่า 

"หากสีเป็นภาพสะท้อนตัวตนเป็นยานพาหนะ สี Blue Ember จะเปลี่ยนโฉม Mustang Dark Horse และขับเน้นม้าสีอานม้าตามธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ที่รูปทรงภายนอกของรถสปอร์ตสไตล์ Fastback และองค์ประกอบหลายอย่างถูกรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ Blue Ember มีรูปลักษณ์ที่ซ่อนเร้น น่าค้นหา ให้ผู้ขับขี่เห็นว่า Mustang Dark Horse มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงใด"

Mustang Dark Horse มีตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจลวดลายด้านนอกแบบพิเศษ 2 รูปแบบ คือ แบบไวนิล และแบบทาสีด้วยมือ ซึ่งแถบไวนิลจะช่วยขับเน้นส่วนกึ่งกลางของฝากระโปรงหน้ารถดูนูนขึ้น และสามารถเคลือบเงาสูง-ต่ำเพื่อให้เข้ากับส่วนอื่นๆ ของรถ และแถบสีสามารถขยายไปยังหลังคาได้ด้วย แต่ต้องจ่ายเงินซื้อแพ็กเกจ

ขณะที่กราฟิกแถบพ่นสีสุดหรู ได้แรงบันดาลใจจากการไหลเวียนตามหลักอากาศพลศาสตร์เหนือตัวถังของ Mustang Dark Horse และเคลือบสีดำเงาตั้งแต่กลางกระจังหน้า ไปจนถึงช่องดูดอากาศบนฝากระโปรงหน้า หลังคา และสปอยเลอร์หลัง ขณะที่รูปแบบทาสีด้วยมือจะใช้กระบวนการเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Mustang Dark Horse

ภายในห้องโดยสาร มาในธีมสีดำและสีน้ำเงิน โดดเด่นด้วยหัวเกียร์ไททาเนียมชุบอโนไดซ์สีน้ำเงินใหม่ สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ว่าสำหรับผู้ซื้อที่เลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดจะได้ปุ่มแบบดั้งเดิม และจะชุบอโนไดซ์สีเงินที่แพดเดิลชิฟท์แทน ส่วนของแผงหน้าปัด เบาะนั่ง คันเกียร์ และคอนโซลกลาง พร้อมด้วยพวงมาลัยท้ายตัดหุ้มด้วยหนังกลับเพื่อการยึดจับที่ดีขึ้น ขณะที่เบรกไฟฟ้าที่มีอยู่นั้นได้รับการชุบผิวใหม่และมีด้ามจับหุ้มด้วยหนัง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ดริฟท์ได้ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ เลยคือ เรื่องของขุมพลัง เบนซิน Coyote V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 500 แรงม้า แรงบิด 566 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าแรงที่สุดเท่าที่ Ford เคยผลิตมา และ Ford ยังระบุด้วยว่า Mustang Dark Horse รุ่นปี 2024 จะวางจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า ราคาจะเริ่มต้นน่าจะอยู่ราวๆ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1,675,000 บาท ไม่รวมภาษี!!!) ซึ่งเป็นเรตราคาใกล้เคียงกับ Mustang Mach 1 รุ่นปัจจุบัน 

ที่มา: Carscoops, Motor1, roadandtrack