เรียกได้ว่า "ที่ดิน" ถือเป็นทรัพย์สินที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เพราะทิศทางราคาที่ดิน มีแต่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีที่ดินบางประเภทที่หากซื้อมาเพื่อจะสร้างบ้านแล้วอาจจะต้องไตร่ตรองให้ดี โดยเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ยต่างๆ เพราะอาจส่งผลด้านลบต่อผู้อยู่อาศัยหรือผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งลักษณะที่ดินต้องห้ามที่ไม่ควรเลือกมาใช้สร้างบ้านมีอยู่ 5 ลักษณะ ดังนี้
1. ที่ดินลักษณะผิดแปลก ผิดหลักฮวงจุ้ย
ที่ดินลักษณะที่ผิดฮวงจุ้ย ไม่ควรซื้อเด็ดขาด คือที่ดินรูปสามเหลี่ยมหรือชายธง เพราะเชื่อกันว่าหากอยู่อาศัยหรือทำมาหากินจะเกิดผลร้ายหรือพบแต่ความเสียหาย ผู้อยู่อาศัยหรือสมาชิกในบ้านจะเจ็บป่วยบ่อย มีปัญหาการทะเลาะเบาะแว้ง เงินทองฝืดเคือง ค้าขายมีแต่ขาดทุน
นอกจากนี้ ที่ดินที่ต่ำกว่าพื้นที่ด้านนอกหรือต่ำกว่าโดยรอบ ในทางฮวงจุ้ยถือเป็นที่ดินต้องห้าม เพราะสิ่งต่างๆ จะไหลถ่ายเทเข้าสู่บ้านหมด อยู่แล้วไม่สงบสุข มีแต่ความหวาดระแวง
ส่วนที่ดินคล้ายรูปค้อนหรือมีดอีโต้ หรือรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ที่ดินลักษณะนี้ผู้อยู่อาศัยจะเจอแต่เคราะห์ร้าย เช่น ประสบอุบัติเหตุ หรือมีปัญหาสุขภาพบ่อยครั้ง แต่หากวิเคราะห์ในเชิงเหตุและผลแล้ว ที่ดินลักษณะนี้จะทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เพราะมีเหลี่ยมมุมที่ไม่เหมาะกับการออกแบบสร้างบ้าน
2. ที่ดินที่มีประวัติไม่ชัดเจน
ก่อนที่จะซื้อที่ดินควรตรวจสอบประวัติความเป็นมาของที่ดินให้ดีเสียก่อน เช่น แต่เดิมเคยมีสิ่งปลูกสร้างหรือทำสิ่งใดมาก่อน ใครเป็นเจ้าของ หากพบว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์ โรงพยาบาล สุสาน ศาสนสถาน ก็ควรเลี่ยงที่จะซื้อหาจับจอง เพราะเป็นแหล่งรวมพลังงานด้านลบมากมาย และยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอีกด้วย
นอกจากนี้ที่ดินที่ติดกับศาลเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็ไม่ควรซื้อเช่นกัน เพราะมีผลกระทบกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสมาชิกในบ้าน ส่วนที่ดินตรงกับทางโค้ง ทางสามแพร่ง หรือถนนตรงเข้าสู่ตัวบ้าน ถือว่าอันตรายมาก ไม่เหมาะที่จะซื้อมาปลูกบ้านเด็ดขาด
3. ที่ดินอ่อน หรือใกล้แม่น้ำ
หลายคนชอบที่ดินติดแม่น้ำ เพราะอยู่แล้วน่าจะสบาย มีแต่ความร่มรื่น แต่ความจริงแล้วควรศึกษาให้ดีเสียก่อน เพราะหากสร้างบ้านใกล้แม่น้ำ ตัวบ้านอาจถูกน้ำกัดเซาะจนพังได้ และที่ดินที่มีลักษณะเป็นพื้นดินนุ่ม ไม่แน่น ยุบยวบ ไม่เหมาะกับการปลูกสิ่งก่อสร้าง เพราะอาจเกิดการทรุดตัวของหน้าดินในอนาคตได้ และผิดหลักฮวงจุ้ยด้วย หากทำธุรกิจหรืออาศัยอยู่บนที่ดินที่ไม่แน่น ไม่แข็งแรง เชื่อว่าทำอะไรก็ไม่เจริญ รากชีวิตไม่มั่นคง
4. ทางเข้าและทางออกไม่สะดวก
ที่ดินที่ไม่มีทางเข้าและออก มีลักษณะโดนที่ดินอื่นล้อมรอบ ไม่สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ อาจมีปัญหาในอนาคต เช่น การแบ่งย่อยที่ดินแปลงใหญ่ให้เล็กลงเป็นหลายแปลงเพื่อมอบเป็นมรดก จะเกิดความไม่ลงตัว หรือเกิดปัญหาความวุ่นวายในการขอเส้นทางสัญจรเข้าออก
ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อที่ดิน ควรตรวจสอบตำแหน่งที่ดินเบื้องต้นได้โดยนำเลขที่โฉนด เข้าตรวจสอบที่กรมที่ดินเขตหรืออำเภอนั้น ๆ หากพบว่ามีเลขที่ที่ดินล้อมรอบแปลงที่ดินของเรา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นที่ดินไม่มีทางเข้า-ออก (ยกเว้นโฉนดที่ดินจัดสรร) สามารถยื่นขอตรวจระวางใหญ่เพื่อดูแปลงที่ดินนั้นทั้งหมดต่อไป
ทั้งนี้หากเป็นที่ดินตาบอด เจ้าของที่ดินแปลงนั้นก็มีสิทธิ์ฟ้องเจ้าของที่ดินแปลงที่ล้อมรอบได้ เพื่อขอเปิดทางไปสู่ทางสาธารณะ เรียกว่า “ทางจำเป็น” โดยควรตรวจสอบเบื้องต้นว่ามีการจดทะเบียนภาระจำยอมให้หรือไม่ ทั้งนี้การสัญจร “ทางจำเป็น” ต้องเกิดความเสียหายต่อที่ดินแปลงล้อมรอบให้น้อยที่สุดและต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของที่ดินแปลงนั้น ๆ ด้วย
5. เอกสารกฎหมายที่ดินต่าง ๆ
ก่อนซื้อที่ดินควรตรวจสอบที่ดินผืนนั้นให้ดีก่อนว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ควรมีเอกสารทางกฎหมายชัดเจน รายละเอียดประเภทสิทธิ์การถือครองต่าง ๆ ต้องดูอย่างละเอียด ตรวจสอบให้เข้าใจ เพราะที่ดินบางแห่งไม่สามารถถือครองได้หรือโอนต่อไม่ได้ เป็นที่ดินไม่มีโฉนด เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ทำประโยชน์ จัดสรรให้แก่เกษตรกรได้เอาไปทำประโยชน์ประกอบอาชีพ จึงไม่สามารถแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นได้
นอกจากนี้ยังมีประเภทที่ดินที่ไม่สามารถออกโฉนดได้ เช่น ที่ดินมีหลักฐานสิทธิ์ทำกิน (สทก.) ลักษณะเป็นหนังสืออนุญาตให้ผู้ที่ได้เข้าไปบุกรุกทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นผู้มีสิทธิ์ทำกินชั่วคราวในที่ดินเท่านั้น จึงไม่สามารถนำมาขอออกโฉนดที่ดินได้ ก่อนซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านคุณภาพ สักหนึ่งหลัง ควรหาข้อมูลและพิจารณาให้ดี ๆ อย่างถ่องแท้ และดูถึงภูมิหลังความเป็นมาอย่างละเอียด รวมไปถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ที่อยู่อาศัยว่าเป็นอย่างไร