1. ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff)
สุนัขขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต ประเทศจีน และถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเอาไว้ใช้เฝ้าฝูงแกะและจามรีบนภูเขา ซึ่งที่ทำให้หลายคนรักสุนัขพันธุ์นี้ก็คือ ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของและคนในครอบครัว แต่จะดุร้ายเมื่อเจอคนแปลกหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสุนัขที่มีดีขนาดนี้จึงทำให้มีค่าตัวสูงถึง 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 57 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ อันดับ 1 ของสุนัขที่แพงที่สุดในโลกไปครอง
2. อาคิตะ (Akita)
เจ้าสุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่นพันธุ์นี้ถือเป็นสุนัขที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายมากจนได้รับการขนานนามจากทั่วโลกว่า “The Loyal Friend from the land of the Rising Sun” หรือ “เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย” ในอดีตถูกเลี้ยงไว้อารักขาโชกุนและใช้งานเป็นสุนัขล่าสัตว์ ที่ครึ่งหนึ่งเคยเกือบสูญพันธุ์ไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเกิดวิกฤตการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก จนทำให้สุนัขล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ราคาของลูกสุนัขพันธุ์นี้เริ่มต้นที่ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,000 บาท
3. เลิฟเชิน (Löwchen)
เลิฟเชินเป็นสุนัขที่มีนิสัยเป็นมิตร อารมณ์ดี จงรักภักดี สามารถฝึกได้ ลักษณะภายนอกมีขนยาวและนุ่ม มีรูปร่างกะทัดรัด ถือเป็นสุนัขสายพันธุ์หายากในอดีต โดยในปี พ.ศ. 2512 มีการบันทึกว่ามีเพียง 40 ตัวในโลกเท่านั้น ส่วนราคาอยู่ที่ระหว่าง 4,500–8,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,000–280,000 บาท
4. ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)
ร็อตไวเลอร์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีมาตั้งแต่ยุคโรมัน โดยในอดีตถูกเลี้ยงไว้เพื่อปกป้องเหล่าทหารโรมันที่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์และต้อนฝูงสัตว์ จึงทำให้ร่างกายมีโครงสร้างที่แข็งแรง ฉลาด ฝึกง่าย ชอบออกกำลัง อาจจะกลายเป็นสุนัขก้าวร้าวหากโดนแกล้งหรือถูกแหย่ให้โมโห แต่ถ้าเลี้ยงด้วยความรักและความอ่อนโยนก็จะมีนิสัยอ่อนโยนและใจเย็น ราคาต่อตัวอยู่ที่ 2,400-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 86,000-289,000 บาท
5. ซามอยด์ (Samoyed)
ซามอยด์เป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์เก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากหมาป่า ซึ่งในอดีตชาวซามอยพัฒนาสุนัขสายพันธุ์เพื่อเลี้ยงไว้ต้อนกวางเรนเดียร์และลากเลื่อน มีจุดเด่นที่ขนสีขาวบริสุทธิ์ตลอดทั้งตัว แถมยังนิสัยดีและเข้ากับเด็ก ๆ ได้ง่าย แต่หากใครจะซื้อหามาเลี้ยงบอกเลยว่าไม่ง่าย เพราะมีราคาสูงถึง 4,000-10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 144,000–362,000 บาทเลยทีเดียว
6. คาวาเลียร์ คิง ชาลส์ สแปเนียล (Cavalier King Charles Spaniel)
ในอดีตสุนัขพันธุ์คาวาเลียร์ คิง ชาลส์ สแปเนียล ไม่ได้หาซื้อมาเลี้ยงกันง่าย ๆ นะ เพราะในศตวรรษที่ 16 สุนัขสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูงเท่านั้น และหากรู้สึกว่าชื่อคุ้นหูก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะตั้งชื่อตามกษัตริย์ คิง ชาร์ลที่ 2 ของสหราชอาณาจักรนั่นเอง แต่แล้วก็กลายเป็นสุนัขที่ใครต่อใครนิยมเลี้ยงเพราะว่านิสัยเป็นมิตร อ่อนโยน ร่าเริง และฝึกง่ายนั่นเอง สำหรับราคาต่อตัวอยู่ที่ 960-14,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 34,000–502,000 บาท
7. แคนาเดียน เอสกิโมด็อก (Canadian Eskimo Dog)
สุนัขพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนานกว่า 4,000 ปี โดยในอดีตถูกเลี้ยงไว้โดยชาวเอสกิโมเพื่อใช้ลากเลื่อนและล่าสัตว์ จนทำให้สายพันธุ์ค่อย ๆ พัฒนามาจนกระทั่งเป็นสุนัขที่มีร่างกายแข็งแรงและมีความเป็นมิตรต่อคน แต่เข้ากันไม่ค่อยได้กับสุนัขต่างสายพันธุ์และสัตว์ชนิดอื่น ๆ สนนราคาอยู่ที่ 7,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 260,000 บาท
8. อิงลิช บูลด็อก (English Bulldog)
สุนัขสายพันธุ์นี้ในอดีตเคยมีนิสัยดุดัน ก้าวร้าว เพราะถูกเลี้ยงไว้ให้เป็นสุนัขต่อสู้ในอังกฤษตั้งแต่ปี พ.ศ. 1752 แต่ต่อมาก็ถูกฝึกนิสัยให้มีความอ่อนโยนมากขึ้น เลยกลายเป็นสุนัขที่มีทั้งความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ ใจเย็น สุขุม สุภาพอ่อนโยน ฉลาด และเป็นมิตรกับทุกคน โดยราคาอยู่ที่ 2,400-3,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 86,000–115,000 บาท
9. อาซาวัก (Azawakh)
อาซาวักเป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบแอฟริกาตะวันตก จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขที่สามารถวิ่งได้เร็วมากและคล่องแคล่วปราดเปรียว ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะโครงสร้างของขาที่เรียวยาว สำหรับนิสัยส่วนตัวถือเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้อาย หวงอาณาเขต แต่ก็เป็นมิตรและรักเจ้าของมาก ราคาอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 108,000 บาท
10. อียิปต์เชียน ฟาโรห์ ฮาวด์ (Egyptian Pharaoh Hound)
มีต้นกำเนิดมาจากอิยิปต์สมัยโบราณเมื่อประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว ในอดีตใช้เป็นสุนัขล่าเนื้อ มีลักษณะผอมบาง หูตั้งยาวเหมือนค้างคาว นิสัยร่าเริง เป็นมิตร และตื่นตัวอยู่ตลอด ราคาเริ่มจาก 6,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 235,000 บาท