สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสพาร์โวในทางเดินอาหาร พบได้บ่อยและมีความรุนแรงในลูกสุนัข (6 สัปดาห์ถึง 6 เดือน) หรือสุนัขที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกมากับอุจจาระของสุนัขที่มีการติดเชื้อ 5 วันก่อนแสดงอาการ และสามารถขับเชื้อได้ราว 10 วันหลังจากสุนัขที่ติดเชื้อหายจากโรคแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแยกเลี้ยงสุนัขที่ติดเชื้อออกจากสุนัขปกติ เชื้อไวรัสที่ปนออกมากับอุจจาระมีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อม สามารถคงสภาพอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายเดือน โดยติดต่อสู่สุนัขผ่านการดม เลีย หรือการปนเปื้อนของสิ่งแวดล้อม
เชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายเซลล์ผนังลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง และไขกระดูกได้ ส่งผลทำให้มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร ทำลายภูมิคุ้มกันทางเดินอาหาร เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
อาการ
. ซึม ไม่กินอาหาร มีไข้
. อาเจียน ถ่ายเหลว หรือถ่ายเหลวเป็นเลือดภายใน 24-48 ชั่วโมง
. มีภาวะขาดน้ำ เหงือกซีดและแห้ง ไม่มีแรง
. หากคลำตรวจจะปวดเกร็งท้อง เนื่องจากลำไส้มีการอักเสบและขยาย
. หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะมีอาการช็อค หมดสติ น้ำตาลต่ำ และเสียชีวิตได้
การรักษา
การรักษาการติดเชื้อไวรัสพาร์โวไม่มียาเพื่อไปทำลายเชื้อได้โดยตรง ดังนั้นจึงเป็นการรักษาตามอาการของโรค และการป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกสัตวแพทย์อาจงดน้ำและอาหารเพื่อลดการทำงานของลำไส้
การรักษาตามอาการ
. การแก้ไขภาวะขาดน้ำ อาจจะให้สารน้ำทางใต้ผิวหนังหากมีการขาดน้ำไม่มาก หากมีภาวะน้ำตาลต่ำหรือภาวะไม่สมดุลอิเลคโตรไลท์ในเลือดจะพิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือด
. การให้ยาตามอาการเช่น ยาระงับอาเจียน ยาลดปวด ยาเคลือบกระเพาะ เป็นต้น
. การให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน หรือรักษาภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือด
. การให้สารอาหารทางเส้นเลือด
. การให้ยากระตุ้มภูมิคุ้มกัน หรือยาเสริมภูมิคุ้มกัน
การป้องกัน
เพื่อป้องกันการติดต่อลูกสุนัขที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบควรหลีกเลี่ยงสุนัขตัวอื่น ๆ หรือสถานที่ที่มีสุนัขมารวมตัวกัน เช่นสวนสาธารณะ ตลาดนัด โดยวัคซีนจะเริ่มต้นที่สุนัขอายุ 2, 3 และ 4 เดือน และกระตุ้นซ้ำที่อายุ 1 ปี
สุนัขที่หายจากการเป็นโรคลำไส้อักเสบควรถูกแยกเลี้ยงอย่างน้อย 1 เดือน และบริเวณที่เลี้ยง ภาชนะต่าง ๆ ควรฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฟอกขาว