Pet มีสาระ วันนี้เราก็อยู่กับนายสัตวแพทย์ กวีวัธน์ ธนพัตนจรูญพงษ์ อีกเช่นเคย พร้อมกับข้อสงสัยที่ว่า โรคเชอร์รี่อาย คืออะไร ลักษณะอาการเป็นอย่างไร และมีความรุนแรงมากแค่ไหน ซึ่งคุณหมอกวีวัธน์ ได้ให้คำตอบไว้ว่า
สำหรับตัวเชอร์รี่อายนะครับก็ เป็นการอักเสบนะครับ ของต่อมที่อยู่บริเวณหนังตาที่สาม หนังตาที่สามก็คือจะมีในสุนัขและแมว จะเป็นแผ่นเนื้อเยื่อบาง ๆ ซึ่งจะมีกระดูกอ่อน อยู่บริเวณระหว่างตัวของเยื่อบุตาขาวและหนังตา ซึ่งเจ้าของอาจจะเคยสังเกตเห็นเวลาที่น้องแมวหรือน้องหมาบางตัวมีแผ่นปิดขึ้นมา เวลาเราไปสัมผัสกับบริเวณใกล้ ๆ ดวงตาของเค้า เหมือนเป็นแผ่นที่แบบ เลื่อนขึ้นมาบริเวณแถว ๆ หัวตา ซึ่งต่อมเนี้ย เวลาที่เรามันเกิดการอักเสบขึ้นมาก็จะทำให้เกิดเป็นเหมือนเป็นก้อนขึ้นมาที่บริเวณตัวหัวตา แต่จริง ๆ เป็นตัวของต่อมที่มีการอักเสบและขยายตัวขึ้น ซึ่งจะต่างจากการเป็นตากุ้งยิงในคน ตัวตากุ้งยิงส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณเปลือกตา แต่เชอร์รี่อาย อันเนี้ยมันจะอยู่บริเวณหนังตาที่สาม
สำหรับตัวของการเกิดโรคนะครับ ก็จะเกิดจากตัวของการอักเสบของตัวต่อมนะครับ ซึ่งอาจจะเป็นพวกการติดเชื้อก็ได้นะครับ ซึ่งพอมีการอักเสบ การระคายเคืองการติดเชื้อนะครับ ทำให้ตัวต่อมเนี่ยมันอักเสบและก็ขยายขนาดขึ้น
ส่วนของตัวความรุนแรงจริง ๆ โรคนี้ก็ไม่ได้เป็นโรคที่มีความรุนแรงอะไรนะครับ แต่ว่ามักจะทำให้เกิดความรำคาญ เพราะว่าเนื่องจากส่วนของหนังตาที่สามซึ่งมีการอักเสบของตัวต่อมเนี่ยครับ มันจะปูดขึ้นมา และเวลาที่น้องเค้า น้องหมาหรือน้องแมวหลับตา หรือว่าลืมตาเนี่ยมันก็จะสร้างความรำคาญให้กับน้อง มันจะเหมือนมีอะไรอยู่ที่บริเวณตา และทำให้เคืองตาได้ตลอด และมันจะทำให้เกิดพวกการอักเสบของตัวกระจกตาตามมาด้วยเหมือนกัน
สำหรับตัวการรักษาเอง ตัวของเชอร์รี่อาย จะมีวิธีการรักษาหลัก ๆ อยู่ 2 แบบ ทั้ง 2 วิธีเนี้ยจะเป็นวิธีในส่วนของการผ่าตัดนะครับ ซึ่งตัวของการผ่าตัดเนี่ย ในวิธีแรกก็คือการตัดตัวของต่อมออกไปเลย คือตัดหนังตาที่สามทิ้งไปเลย ซึ่งวิธีนี้คือหายขาด แต่ผลเสียเนี่ยก็จะมีเหมือนกัน ก็คือเนื่องจากตัวของต่อมเอง จะใช้ในการสร้างตัวน้ำตาได้มากประมาณ 40% ถ้าต่อมนี้หายไปเท่ากับน้ำตาลดลงก็จะมีอาการตาแห้งตามมาได้ แล้วก็สำหรับวิธีที่สองเนี่ย ก็คือจะเป็นการเย็บและดันตัวของต่อมเนี้ยกลับเข้าไป เหมือนเราสร้างเป็นกระพุ้งแล้วก็ยัดมันกลับลงไป เพราะฉะนั้นวิธีเนี้ย ตัวต่อมยังอยู่และก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
สำหรับพันธุ์ที่พบได้บ่อยครับ ถ้าเป็นในประเทศไทยที่เลี้ยงกันฮิต ๆ ก็เป็นพวก ชิสุ บูลด็อก ชาเป่ย บีเกิ้ล เป็นได้บ่อย ๆ แล้วก็อายุที่มักเจอก็จะอายุน้อย ๆ ไม่เกิน 2 ปี