เรียกว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวครั้งใหม่สำหรับ "จังหวัดราชบุรี" ที่ต้องบอกว่าความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าจังหวัดแห่งนี้เป็นเพียงทางผ่านไปจังหวัดต่างๆ แต่ต้องบอกว่างานนี้คิดผิดแบบไม่อยากให้อภัยตัวเองเพราะราชบุรีมีดีกว่าคิดไว้เยอะมากๆ ถ้ามีโอกาสก็คงจะกลับไปเที่ยวราชบุรีอีกครั้งอย่างแน่นอน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ราชบุรี แห่งแรกที่ได้ไปเยือนราชบุรีนั้นก็คือ "ภูผาแรด" พอก้าวลงจากรถก็รู้สึกถึงความ Unseen ความสวยงามที่ธรรมชาติมอบให้ ซึ่งในวันที่เราไปนั้นมีทั้งหนุ่มสาวๆ วัยมหาลัยมาถ่ายรูปสวยๆในชุดครุยรับปริญญา รวมทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้ง รูปที่ออกมาต้องบอกว่าสวยงดงามกับทิวทัศน์ภูเขาด้านหลัง
สำหรับ "ภูผาแรด" ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานหินเขางู อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นแหล่งสัมปทานระเบิดหินซึ่งถูกซ่อนไว้ท่ามกลางหุบเขานานหลายปี ลักษณะเป็นหน้าผาหินสูงชันที่มีร่องรอยความเว้าแหว่งรอยแตกของหิน เผยให้เห็นความสวยงามของลวดลายและสีสันของหน้าผาหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่มีความแข็งแกร่งและทนทาน จนชาวบ้านเปรียบเปรยว่ามีความแข็งแกร่งเหมือนดังแรดจึงเป็นที่มาของชื่อ "ภูผาแรด"
ส่วนด้านหน้าภูผาแรด เป็นบ่อน้ำลึกที่ขุดเจาะด้วย "หัวเจาะจัมโบ้" ตั้งแต่สมัยเป็นแหล่งสัมปทาน แต่ยังคงมีหัวเจาะบางส่วนที่จมอยู่ใต้บ่อไม่สามารถนำขึ้นมาได้ เสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจของภูผาแรด อยู่ที่ความสวยงามในแต่ละช่วงเวลาของวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางของแสงแดดที่ส่องลงบริเวณหน้าผาแต่ละฝั่ง และให้จับตาวินาทีที่น้ำนิ่งจนเกิดภาพเงาสะท้อนคล้ายภาพ Abstract บนผิวน้ำ ถือเป็นงานศิลปะที่ธรรมชาติรังสรรค์ เป็นความมหัศจรรย์บทใหม่ของเมืองราชบุรี สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
พอเราได้ดื่มด่ำกับความ Unseen ของ "ภูผาแรด" ไปแล้ว ก่อนจะไปสถานที่ที่ 2 กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง โดยเราได้ไปแวะรับประทานอาหารกันที่ "ร้านครัวดินศิลปะ" ซึ่งภายในร้านเรียกว่าศิลปะสมชื่อ เพราะประดับประดาด้วยจิตรกรรมฝาผนัง คำคมเกี่ยวกับศิลปะ
ในเรื่องของอาหารนั้นก็ใช้ภาชนะเป็นดินเผาให้สมกับอยู่เมืองโอ่ง ราชบุรี
สำหรับเรื่องของรสของอาหารนั้นต้องบอกว่ารสชาติดีเยี่ยมและมีอาหารถิ่นให้เราได้ชิม ซึ่งต้องบอกว่าทำเลร้านไม่ได้ลับ อยู่ติดถนน ตรงข้าม อบต.สวนผึ้ง จอดรถได้หน้าร้าน อาหาส่วนใหญ่จะเน้นเป็น อาหารไทย ภาคกลาง-ภาคใต้ รสชาติดี จัดจานมาแบบอลังการ เหมือนเป็นศิลปะบนจานอาหาร
หลังจากอิ่มท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไปลุยกันต่อในสถานที่ที่ 2 พอเดินเข้าไปต้องบอกว่ากลิ่มหอมเทียนเตะจมูกเป็นอย่างมาก โดยสถานที่ดังกล่าวนั่นก็คือ "บ้านหอมเทียน" สิ่งแรกที่ประทับใจหลังจากที่เดินเข้าไปนั้นคือได้ความรู้สึกถึงความวินเทจ ความขลังของสถานที่ ซึ่งเราได้มีการพูดคุยกับคนที่ดูแลเรื่องราวศิลปะเทียนหอมที่ปั้นขึ้นมาว่า กว่าปั้นเป็นเป็นร่างขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เพียงเป็นความรู้สึกของเจ้าของที่อยากให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมามาเข้ามาเยี่ยมชมก็รู้มีความสุขมากๆแล้ว
โดยต้องบอกว่า "บ้านหอมเทียน" หากใครที่ชอบความวินเทจ ต้องชื่นชอบสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ทางท้ายของหมู่บ้านหอมเทียน จะมีร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งตั้งอยู่ มีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปข้างหลังจะเป็นภูเขา เรียกว่างานนี้หากคุณมีโอกาสไปราชบุรีควรแบ่งเวลาซัก 30-45 นาทีได้เดินเล่น "บ้านหอมเทียน" กันซักครั้ง สำหรับค่าเข้าชมนั้นก็ไม่ได้แพงเพียงแค่ 60 บาท สามารถนำคูปองเข้าชมไปแลกซื้อเทียนหอมได้ 1 ชิ้น เปิดบริการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 น. – 19.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30 น. – 20.30 น.อยู่ในต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
สำหรับสถานที่ต่อไป เป็นสถานที่ 3 คือ "บ้านมอญห้วยน้ำใส" ต้องบอกว่าเราโชคดีมากๆ เพราะก่อนจะไปเริ่มกิจกรรมของหมู่บ้าน ทางที่พักของเราสามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าที่ราชบุรี
ซึ่งใครที่อยากเห็นทะเลหมอกแต่ไม่อยากเดินทางไกลแนะนำว่าหากคุณมาเที่ยวต้องยอมตื่นแต่เช้าซักหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มแน่นอนสำหรับทะเลหมอกที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
โดยหลังจากที่เราซึมซับทะเลหมอกเสร็จสิ้นไปแล้วนั้นกิจกรรมแรกที่ต้องทำและจะพลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ "จู๊ดเปอป๊าด" หรือตักบาตรพระตอนเช้าของชาวมอญ โดยชาวบ้านจะปูเสื่อนั่งกับพื้นรอพระบิณฑบาต แต่จะมีเฉพาะวัน เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่ 08:00 น.
ซึ่งเราต้องมาเตรียมตัวกันก่อน มาซื้ออาหารต่างๆ ไว้ตักบาตรพระ แนะนำว่าควรมารอตั้งแต่เวลา 7.00น.เพราะเรานั้นจะได้เห็นการเตรียมตัวของชาวบ้าน บรรยากาศดีๆยามเช้า รวมทั้งของอาหารมอญพื้นบ้านอร่อยหลายเมนูให้ลิ้มลอง โดยต้องบอกว่า ชาวมอญแห่งนี้ยังมีวัฒนธรรมประเพณีมอญที่เด่นชัด ทั้งภาษา และอาหารพื้นถิ่น ชุมชนได้ร่วมกันอนุรักษ์วิถีมอญก่อนจะถูกกลืนเลือนหายไปกับกาลเวลา โดยตั้งตลาดห้วยน้ำใสเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสร้างรายได้ที่ยั่งยืนแก่ชุมชนและให้เยาวชนลูกหลานได้เห็นและเรียนรู้วิถีมอญเชื้อชาติพันธุ์ของตนเองอีกด้วย
นอกจากนี้ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศการเล่นน้ำนั้นก็มีมุมให้เราถ่ายรูปและซึมซับบรรยากาศด้วยเช่นกันเพราะที่นี่มี ลำธารใสไหลผ่านหมู่บ้าน อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปี
โดยหลังจากเสร็จกิจกรรมที่ "บ้านมอญห้วยน้ำใส" เราก็ไปอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของจ.ราชบุรี ในเวลานี้เลยก็ว่าได้เพราะกว่าที่เราจะไปถึงนั้นรถติดยาวตลอดทาง นักท่องเที่ยวบางคนนั้นต้องยอมจอดรถแล้วเดินเท้าเข้าไปซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั่นก็คือ "โอ๊ะป่อย"
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ 4 โอ๊ะป่อย ตลาดเช้าริมธารสวนผึ้ง ซึ่งช่วงเวลานี้ต้องบอกว่ากระแสฟีเวอร์มากๆ ก็ทำให้คนทะลักด้วยเช่นกัน สำหรับอาหารนั้นก็จะมีตั้งแต่อาหารไทยปกติและอาหารมอญแบบพื้นบ้าน
สำหรับที่สนใจจะไปที่โอ๊ะป่อยนั้น เปิดตั้งแต่ 7.00-14.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยกิจกรรมสำคัญของที่นี่ก็คงจะเป็นการใส่บาตรพระสงฆ์ที่ล่องแพไม้ไผ่มาตามลำน้ำภาชี ตั้งแต่เวลา 7.30-8.00 น.
สำหรับสถานที่ที่ 5 "เขาทะลุมิติ" อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ต้องบอกว่าโดนใจสาย Adventure อย่างแน่นอน ซึ่งหากจะให้แนะนำ คุณควรจะใส่สุดพร้อมลุย เพราะคุณจะได้เหงื่ออย่างแน่นอน สำหรับเขาทะลุมิติทางเข้าจะเป็นช่องเล็กให้เราปีนขึ้นไปแล้วแต่ความถนัด หากเป็นมือใหม่แนะนำว่าให้เกาะเชือกอย่าได้ปล่อยมือเด็ดขาด แต่ขั้นเซียนที่เคยปีนเขาที่โหดๆมาแล้วถือว่าสบายๆ สามารถเดินขึ้นไปได้อย่างชิวๆ
สำหรับเขาทะลุมิตินั้น ตั้งอยู่ตำบลรางบัว ด้านข้างแกรนด์แคนยอนราชบุรี ด้านบนของเขาทะลุมิติ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งเพดานถ้ำทะลุลงมาเป็นช่อง เกิดเป็นซุ้มประตูหินโค้งขนาดใหญ่ 2 โพรง เส้นทางขึ้นจากเชิงเขาถึงปากถ้ำระยะทางประมาณ 200 เมตร เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมตลอดทางเดิน และต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน เนื่องจากทางเดินมีหินกรวดตลอดทางเดินอาจทำให้ลื่นได้ โดยเฉพาะขาเดินลงจากเขาเพราะบางช่วงมีความสูงชัน ระหว่างทางจะมีเชือกให้จับไต่เวลาเดินขึ้นและลง ควรแต่งกายให้เหมาะสมใส่รองเท้าผ้าใบในการขึ้นเขา เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรม Soft Adventure
เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาและมองลอดผ่านกรอบซุ้มประตูหิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติและวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนอยู่ไกล ๆ จนทำให้มีความรู้สึกเหมือนมองทะลุไปอีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ "เขาทะลุมิติ" ซึ่งเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Series ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เวลา 16.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเราจะมองเห็นแสงอาทิตย์ส่องมาตรงช่องเขาพอดี จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งในการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของจังหวัดราชบุรี การเดินทาง ถ้ำเขาทะลุอยู่ไม่ไกลจาก กทม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-สวนผึ้ง) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงปากบึง เลี้ยวขวาใช้ถนนสายบ้านบึง... สอบถามข้อมูล องค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว โทร. 0 3273 9046
สำหรับสถานที่ต่อไปถือว่ามา Relax หลังจากที่บู๊เสียงเหงื่อมาทั้งวัน ก็มาเลือกกิน เลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ "กาดวิถีชุมชนคูบัว" ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาเที่ยวชม เดินกินขันโตก และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ ผ้าจกคูบัว อาหารพื้นบ้าน อาหารคาว ขนมหวานท้องถิ่น เครื่องดื่มผลไม้ กาแฟหลงฮักคูบัวของทางวัด และของฝากจากชุมชน ของดี OTOP และของชำร่วยต่าง ๆ พ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่ขายของในกาดวิถีชุมชนคูบัว เป็นคนเชื้อสายไท-ยวน แทบทั้งหมด
โดยบริเวณตลาดนั้นมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไท-ยวน ให้ได้รับชมคู่กับการรับประทานอาหารขันโตก ตามสมัยโบราณ มีเหล่าเยาวชนต้นกล้ารักบ้านเกิดได้มาช่วยกันร้องเล่นเต้นรำและกิจกรรมเต้นบาสโลบของกลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มแม่ค้าช่วยกันร้องเล่นเต้นรำทำให้กาดวิถีชุมชนไท-ยวนกลายเป็นทั้งศูนย์รวมวัฒนธรรม และศูนย์กลางของความสามัคคีซึ่งภายในกาดวิถีชุมชนชนจะมีโตกเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารไปนั่งรับประทานได้ตามอัธยาศัย นอกจากนี้ยังได้ชมศิลปะพื้นบ้านไท-ยวน ซุ้มถ่ายรูปภาพสวยๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับวิถีชุมชนชาวไท-ยวน และเมืองโบราณบ้านคูบัว
กาดวิถีชุมชนคูบัว เปิดทุกวันศุกร์ ระหว่างเวลา 12.00 – 20.00 น. และวันเสาร์- วันอาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. การแสดงเริ่มเวลา 17.00 น. เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเที่ยวชม เดิน กินโตก และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน อันจะนำมาซึ่งรายได้ และการพัฒนาด้านต่างๆที่ดีขึ้น เพื่อนำชุมชนไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามสโลแกน สัมผัสกาดวิถีชุมชน "เดินดิน กินโตก กินเที่ยววิถีไทยใช้จ่ายวิถีพุทธ อิ่มทั้งกายได้ทั้งบุญ อุดหนุนประชาชน" ปัจจุบัน กาดวิถีชุมชนคูบัว อยู่ในกิจกรรมตามแนวทางขับเคลื่อนตลาดประชารัฐตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม อยู่ในปฏิทิน "ปีการท่องเที่ยวไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน"
สำหรับสถานที่สุดท้าย ซึ่งเป็นวันที่ 3 ที่เราได้มาท่องเที่ยวนั่นก็คือ "อุทยานหินเขางู" ที่มีงูจริงๆ แต่จะไม่มีการเลื้อยมาบริเวณอุทยานแต่อย่างใดแต่จะอาศัยอยู่ในป่าลึก และมีเรื่องเล่าเมื่อหลายร้อยปี ว่าที่สถานที่ดังกล่าวเคยเป็นที่อยู่ของพญางูจริงๆ ซึ่งข้างหน้าก็จะมีรูปปั้นของงูใหญ่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าอุทยาน
โดย อุทยานหินเขางู อยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 8 กิโลเมตร ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี ต่อมาทั้งภาครัฐและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ และวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เขางูนี้ยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดและย่อยหินที่บริเวณนี้ไป หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี ได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขามีถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถและถ้ำจีน-จาม แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ต้องบอกว่าหากคุณอ่านถึงตอนนี้นั้นก็ต้องรู้สึกคล้ายๆกันว่า ราชบุรี นั้นมีดีกว่าที่เราคิดเยอะมากๆ โดยหากจะให้ยกสถานที่ที่ประทับใจมากที่สุดสำหรับทรปราชบุรี 3วัน 2คืน ก็คงจะเป็น เขาทะลุมิติกับบ้านมอญห้วยน้ำใส ที่ต้องบอกว่าเราได้ซึมกับบรรยากาศพื้นบ้าน ได้เห็นชีวิตผู้คนที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวมอญ ได้พูดคุยพบปะชาวบ้าน ทำให้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจ ซึ่งหากคุณมีโอกาสซักครั้งในชีวิตอยากจะให้เปิดใจ ลองไปเที่ยวจริงจังซักครั้งสำหรับ จังหวัดราชบุรี ที่มีดีกว่าจะเป็นทางผ่าน..