เว็บไซต์ Sina รายงานเรื่องราวของสาวจีนคนหนึ่ง ที่มีนามว่า เค่อ ได้ตั้งร้านขายส้มตำและชาไทยที่ตลาดนัดอู่หลินในเมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งปรากฏว่าที่ร้านของเธอมีคนมาต่อคิวรอซื้อเป็นจำนวนมาก บวกกับแม่ค้าสวยหน้าตาดี จึงทำให้มีทั้งลูกค้าขาประจำและขาจรแวะเวียนมาบ่อย ๆ
โดยในร้านของเค่อนั้น จะขายอาหารนั้นมีทั้ง ส้มตำ ขาไก่ ตำมะม่วงหอยนางรม หนังหมูกรอบ สนนราคาตั้งแต่ 28-40 หยวน (ประมาณ 140-200 บาท) ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กาแฟโบราณ, โอเลี้ยง, ชาเย็น ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 20-25 หยวน (แก้วละ 100-120 บาท)
เค่อเกิดในปี 1955 เธอเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเล็ก ๆ ในยุนนาน ก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินเล็ก ๆ มาก่อน แต่ในช่วงโควิด เมื่อทางการสั่งระงับเที่ยวบิน ก็ทำให้เธอขาดรายได้ เงินเดือนที่เคยได้มากมาย ก็เหลือต่ำสุดแค่ 14,774 บาท ( 3,000 หยวน) เธอจึงเป็นวิตกอย่างมากว่างานที่เธอทำอยู่นั้นจะไม่มั่นคง และเธอจะไม่สามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้ นั่นจึงทำให้เธอคิดว่า ชีวิตการทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอาจจะพอแค่นี้ อาจจะถึงจุดที่เธอต้องกลับบ้านไปแต่งงานกับใครสักคนแล้ว
เค่อวางงานอยู่ประมาณครึ่งปี เลยออกเดินทางไปที่ยุนนาน และที่นั่นเองที่เธอได้ลิ้มลองโอเลี้ยงที่ขายโดยคุณยายท่านหนึ่ง คุณยายเอาโอเลี้ยงใส่ในถุงกระดาษเพื่อเก็บความเย็น และนี่เป็นวิธีกรที่ทั้งน่าสนใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพ นั่นจึงทำให้เธอยอมลงทุน 20,000 บาท (4000 หยวน) เพื่อเรียนการทำอาหารไทย และอาหารจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหลังจากที่เรียนจบ เธอก็มาที่หาวโจวเพื่อที่จะขายอาหารไทย
ในตอนนี้ รายได้ของเค่ออยู่ที่วันละ 20,000-25,000 บาท (4000-5000 หยวน) หรือวันไหนที่ขายไม่ดีอาจจะตกที่ประมาณ 10,000-15,000 บาท (2000-3000 หยวน) ส่วนเมนูที่ขายดีนั้นคือเมนูชาเย็นและขาไก่ ซึ่งในระหว่างที่ขายของไปเธอก็จะไลฟ์ไปด้วย ให้ลูกค้าเห็นว่าร้านมีขั้นตอนการทำอาหารอย่างไร ขายดีขนาดไหน จนสุดท้ายร้านอื่น ๆ ก็เอาวิธีการนี้ไปใช้ตาม
ขอบคุณที่มา Sina