จากที่ก่อนหน้านี้เป็นที่สนใจแก่ประชาชนอย่างมาก เนื่องจากคุณยายวัย 89 ปีชาวจังหวัดบุรีรัมย์ต้องตกใจอย่างหนัก เมื่อถูกกรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยคนชราคืนย้อนหลังถึง 10 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 840,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเงินจำนวนนี้คุณยายจะต้องคืนโดยยื่นข้อเสนอให้ผ่อนได้ 1 ปีไม่มีดอกเบี้ย แต่คุณยายขอผ่อน 20 เดือนไม่มีดอกเบี้ย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยายบุรีรัมย์วัย 89 ตกใจหนัก เจอเรียกเก็บเงินคนแก่คืนเกือบแสน กรมบัญชีกลางโร่ชี้แจงด่วน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนว่าการถูกเรียกเก็บคนคนชราคืนนั้นจะไม่ใช้เพียงแค่คุณยายชาวบุรีรัมย์รายนี้เพียงคนเดียว เนื่องจากก่อนหน้านี้ มี หญิงชราชาว ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท อีกหนึ่งรายที่ถูกเรียกคืนเงินเบี้ยสูงอายุ ซึ่งรายนี้ถูกเรียกเก็บเงินย้อนหลัง 10 ปี รวมเป็นเงินถึง 102,800 บาท
และล่าสุดมีรายงานว่า ที่จ.ลพบุรี มีผู้สูงอายุทั้งหมดอีก 10 คน ที่ได้รับหนังสือเรียกคืนเงิน ซึ่งได้รับหนังสือตั้งแต่ ปี 2563 ความว่าให้คืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เนื่องจากกรมบัญชีกลางระบุว่าเป็นผู้ที่ได้รับเงินซ้ำซ้อนจากภาครัฐ
โดยลูกสาวของ ยายแสง สุขคุ้ม อายุ 98 ปี หนึ่งในหญิงชราที่ถูกเรียกเงินคืนถึง 96,321.73 บาท เล่าว่า แม่ของตนได้รับเบี้ยสูงอายุมาแล้วกว่า 38 ปี ซึ่งในตอนที่มีผู้นำชุมชนเข้ามาสำรวจเพื่อได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์ห้ามรับเงินจากภาครัฐซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญลูกชาย ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการทหาร หากรู้ว่าจะถูกเรียกเงินคืน แม่ตนก็จะปฏิเสธไม่รับเงินตั้งแต่ตอนแรก
ด้าน นางประทุม เนตรพุกกณะ อายุ 70 ปี หนึ่งในผู้ที่ถูกเรียกเงินคืนได้เล่าว่า ได้รับเบี้ยสูงอายุมา 7 ปี ประมาณกว่า 50,000 บาท และไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญของสามีที่เสียชีวิต ทำให้รู้สึกตกใจมาก พอทราบเรื่องก็ตั้งใจจะชดใช้คืน แต่ก็ขอผ่อนชำระเดือนละ 800 กว่าบาท ในระยะเวลา 5 ปี
ขณะเดียวกัน นายวรยุทธ เหล็กเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค เผยว่า การเรียกเงินคืนทั้ง 10 คน เฉลี่ยคนละประมาณ 40,000 - 90,000 บาท ตอนนี้มี 8 คน เซ็นหนังสือยินยอมจ่ายเงินคืนภาครัฐแล้ว ซึ่งตกลงจะผ่อนคืนเป็นรายเดือน ในระยะเวลา 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย แต่ยังมีอีก 2 คน ที่อยู่ระหว่างนัดเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นศาล