เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ที่เพจเฟซบุ๊ก ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า
"การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยตัวเลขการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางยาง 3 งวดจ่ายกว่าหกพันล้านบาท เกษตรกรเตรียมรับเงินงวดต่อไปเข้าบัญชี 29 ม.ค. นี้ พร้อมควบเดินหน้ามาตรการดึงน้ำยางออกจากตลาด ผลักดันราคาให้มีเสถียรภาพ"
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 งวดที่ 3 ประจำเดือน ธันวาคม 2563
"กำหนดราคากลางอ้างอิง ดังนี้
- ราคายางแผ่นดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 57.85 บาท/กก. ชดเชย 2.15 บาท
- ราคาน้ำยางสดอยู่ที่ 48.78 บาท/กก. ชดเชย 8.22 บาท/กก.
- ราคายางก้อนถ้วย (DRC 50%) อยู่ที่ 19.19 บาท/กก. ชดเชย 3.01 บาท/กก.
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเกษตรกรชาวสวนยางสามารถกรีดยางได้มากขึ้นหลังจากฝนทิ้งช่วง ทำให้ผลผลิตออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ราคายางมีแนวโน้มลดลงตามสถานการณ์ตลาด รวมถึงการชะลอการรับสินค้าของประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น ประเทศจีนที่กำลังจะเข้าช่วงตรุษจีนทำให้หยุดยาว ประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรปที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตามความต้องการน้ำยางของตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศยังคงมีสูง ทั้งจากสถานการณ์ของโรคระบาด ทำให้อุตสาหกรรมถุงมือยางขยายตัวสูงขึ้น และการที่ประเทศจีนส่งเสริมการใช้รถยนต์ในเมืองชนบท จะส่งผลให้จากนี้ไปราคายางจะยังคงทรงตัวอยู่ในแนวนี้ไปอีกระยะหนึ่ง แต่จะขยับตัวขึ้นจากนี้อย่างแน่นอน
กยท. ได้ออกมาตรการกระตุ้นการดึงน้ำยางสดออกจากตลาดกว่า 200,000 ตัน/ปี ได้แก่มาตรการกระตุ้นการซื้อน้ำยางสดมาแปรรูป เดินหน้าโครงการการชะลอยาง เก็บสต๊อกยาง รวมถึงบทบาทของหน่วยธุรกิจของ กยท. ที่เร่งเดินหน้าหาผู้ซื้อต่างประเทศ ตอนนี้มีผู้ซื้อจากหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียที่สนใจสั่งซื้อน้ำยางสดและน้ำยางข้น เพื่อนำเข้าไปผลิตเป็นถุงมือยาง ดังนั้น มาตรการทั้งหมดนี้ จะช่วยผลักดันให้ราคายางในตลาดสูงและมีเสถียรภาพขึ้น
ที่มา สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์