เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์และสวยงามของธรรมชาติที่สรรสร้างให้เลยก็ว่าได้ เมื่อการได้พบกับหมู่เกาะไดออมีด (Diomede Islands) ที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบแบริง ระหว่างรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และเขตไซบีเรีย ของประเทศรัสเซีย ที่ได้รับการค้นพบเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1728 โดย ไวทัส เบริง (Vitus Bering) นักเดินเรือชาวเดนมาร์ก - รัสเซีย และตั้งชื่อให้ว่า ไดออมีด ตามชื่อนักบุญชาวกรีก กลายเป็นที่สนใจอย่างมาก
โดยหมู่เกาะไดออมีดแห่งนี้ ประกอบไปด้วย 2 เกาะ คือ เกาะบิ๊ก ไดออมีด (Big Diomede) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า อยู่ฝั่งรัสเซีย และ เกาะลิตเติล ไดออมีด (Little Diomede) ที่มีขนาดเล็กว่า อยู่ฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเกาะบิ๊ก ไดออมีด และเกาะลิตเติล ไดออมีด อยู่ห่างกันเพียงแค่ 3.8 กิโลเมตร แต่เพราะเส้นแบ่งเขตเวลาสากล (International Date Line) ทำให้ทั้ง 2 เกาะนี้ มีไทม์โซนต่างกันถึง 21 ชั่วโมง
แต่บางเวลา เกาะบิ๊ก ไดออมีด กลับถูกเรียกว่า เกาะทูมอร์โรว์ (Tomorrow Island) เนื่องเวลาที่เร็วกว่าเกือบ 1 วัน จากเกาะลิตเติล ไดออมีด จึงทำให้อีกเกาะถูกเรียกว่า เกาะเยสเทอร์เดย์ (Yesterday Island) จนได้ฉายาว่า เกาะอดีต-อนาคต นั่นหมายความว่า ผู้ที่อยู่บนเกาะบิ๊ก ไดออมีด จะสามารถมองเห็นอดีตได้จากเกาะฝั่งตรงกันข้าม และในเวลาเดียวกันแค่เราอยู่บนของเกาะลิตเติล ไดออมีด ก็จะมองเห็นเวลาในอนาคตได้จากฝั่งตรงข้ามเช่นกัน
ทั้งนี้เส้นแบ่งเวลาตรงบริเวณนี้ ถือเป็นเขตพรมแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ มีชื่อเล่นในอดีตว่า ม่านน้ำแข็ง (Ice Curtain) เหตุเพราะความตึงเครียดระหว่างสหภาพโซเวียตกับสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเย็น ซึ่งในปัจจุบัน มีผู้อยู่อาศัยบนเกาะเกาะลิตเติล ไดออมีด อยู่แค่ประมาณ 110 คน ส่วนชาวเกาะที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะบิ๊ก ไดออมีด ถูกอพยพย้ายไปยังแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่สมัยรัฐบาลโซเวียต ปัจจุบันเป็นแค่ฐานทัพของกองกำลังทางทหาร
นอกจากนี้ อุณหภูมิบนหมู่เกาะไดออมีด ในฤดูร้อนอยู่ที่ 4 - 10 องศาเซลเซียล ขณะที่ในฤดูหนาว ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14 - 15 องศาเซลเซียส ซึ่งในฤดูหนาว น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกจะขยายตัว เกิดทางน้ำแข็งก่อตัวขึ้นระหว่างเกาะทั้งสอง และเกาะสุดมหัศจรรย์แห่งเส้นแบ่งเวลาทั้ง 2 นี้ เป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพูดถึงอยู่เสมอ และเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากผู้ใช้แอพลิเคชั่น TikTok แอคเค้าท์ชื่อ ContentDropped ได้แชร์เรื่องราวของสถานที่แปลกแห่งนี้ ก็ได้กลายมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจในโซเชียลอีกครั้ง ซึ่งได้ระบุข้อความว่า "There are some weird places on the world" (มีสถานที่แปลกๆ ในโลกด้วยนะ)