โดยต้องบอกว่าในตอนเราเด็กๆนั้นมักจะเจอเหตุการณ์เกี่ยวกับ ประสบการณ์การออมเงินกับคุณครู ซึ่งครูประจำชั้นจะเก็บเงินของเด็กนักเรียนไว้ ให้เด็กๆรู้จักและรักการออมเงิน เมื่อปิดเทอมแล้วก็จะได้นำเงินนั้นไปใช้ในสิ่งที่ต้องการ
โดยเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง Red Skull In Love ได้เผยเรื่องราวระบุว่า "โรงเรียนที่ลูกๆพวกมึงเรียนเค้ามีการให้เด็กฝากเงินออมกับครูประจำชั้นป่าววะ กูเข้าใจว่าการสอนให้เด็กรู้จักการออมคือการที่ให้เด็กแบ่งเงินส่วนนึงจากค่าขนมในแต่ละวันไปเป็นเงินออมแล้วฝากไว้กับครู
ซึ่งฝากมากฝากน้อยมันอยู่ที่เงินค่าขนมที่ผู้ปกครองจะให้เด็กมาในแต่ละวัน บ้านไหนรวยอาจจะให้ค่าขนมลูกมากหน่อย เด็กก็จะมีเงินออมเยอะหน่อย บ้านไหนฐานะไม่ค่อยดีเงินค่าขนมก็จะลดหลั่นลงมา ทีนี้ปัญหาคือทุกบ้านมันไม่ได้รวยหรือจนเหมือนกันไง แล้วจะทำยังไงไม่ให้เกิดการแบ่งชนชั้นขึ้น
นี่ล่าสุดในกลุ่มไลน์ผู้ปกครอง จู่ๆครูเอาบัญชีเงินออมของเด็กๆมาแปะลงในแชทไลน์ เข้าใจว่าเพื่อต้องการให้ผู้ปกครองทราบว่าเด็กได้ฝากเงินไว้กับครูเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือเด็กบางคนแทบจะไม่มีเงินฝากเลย
คือทั้งเดือนมีเงินฝากแค่ 20 บาท กับเด็กอีกคนมีเงินฝากทุกวัน วันละ 100 บาท สรุปเดือนนั้นมีเด็กคนนึงมีเงินฝากร่วม 2000 บาท โดยในกลุ่มจะมีเด็กที่มียอดเงินฝากสูงๆแบบนี้อยู่ 3-4 คน พอครูเอามาลงในแชทไลน์แล้วดันมีการคุยทับกัน มาสังเกตอีกทีนึงคือมีผู้ปกครองแม่งออกจากไลน์กลุ่มเลย กูก็เลยถามลูกว่าผู้ปกครองคนที่ออกไปใช่ผู้ปกครองของเด็กที่มีเงินฝากน้อยๆใช่ไหม สรุปว่าใช่
คือกูนั่งอ่านไลน์แล้วมือกูก็คันอยากจะพิมพ์ไปตามข้อความในวรรคที่สองนะแต่ไม่อยากจะดราม่า เพราะแม่งจากการสอนให้เด็กรู้จักเก็บออมกลายเป็นทำให้เด็กมาอวดร่ำอวดรวยกัน เพราะลูกกูเคยเล่าให้ฟังไงว่าเด็กที่ฝากเงินเยอะๆทุกวัน ชอบอวดรวยในห้อง อารมณ์คงประมาณซูเนโอะในเรื่องโดเรม่อนนั่นละกูว่า
เอาจริงๆยอดเงินฝากอะไรพวกนี้กูว่าให้ผู้ปกครองสอบถามเป็นรายบุคคลแล้วค่อยแจ้งยอดดีกว่าสรุปลงไลน์กลุ่มแบบนี้นะ เพราะแม่งมันเหมือนการแบ่งชนชั้นยังไงไม่รู้ระหว่างเด็กที่ฝากเงินเยอะๆกับเด็กที่แทบไม่มีเงินฝากเลย
กูก็บ่นไปงั้นละ ลูกกูให้ค่าขนมไปแค่วันละ 40 บาท จะฝากวันละเท่าไหร่ก็อยู่ที่ว่าจะวันนั้นจะกินขนมกี่บาท แต่ปกติก็จะฝากยืนพื้นอยู่วันละ 10 บาทนะ"