12มี.ค.64 กระทรวงสาธารณสุขแถลงชี้แจงหลังประกาศชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19ของบริษัทแอสตราเซเนกาให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หลังจากหลายชาติในยุโรปเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน เพราะมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อตรวจสอบรายงานดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาหรือไม่
โดยทางเพจ กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยว่า ด่วน!! ประเด็นการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2564แถลงโดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เเลั นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขไทย มีเป้าหมายคือวัคซีนที่จะให้กับประชาชนจะต้องปลอดภัย ดังนั้นเมื่อมีรายงานอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน ก็ไม่จำเป็นต้องรีบฉีดวัคซีน แม้ทางบริษัทแอสตราเซเนกาจะยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพและปลอดภัย ฉีดไปทั่วโลกแล้วกว่า 34,000,000 โดส แต่เมื่อมีคำแนะนำให้ชะลอก่อน ไทยก็ควรชะลอการให้วัคซีนไปก่อน เพื่อรอให้กระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์ก รายงานผลการสืบค้นชัดเจนก่อนว่า อาการลิ่มเลือดที่เกิดขึ้น เกิดจากการฉีดวัคซีนโดยตรงหรือไม่ หากผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน ก็จะเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขจัดหามาให้กับประชาชน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมสาธารณสุขจะสามารถทำได้
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ระบุว่า แอสตราเซเนกาได้ส่งวัคซีนให้กับ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป และมีการทยอยฉีด แต่ในเดนมาร์กมีผู้ป่วย 1 รายที่เสียชีวิต และมีอีกหลายรายที่เกิดลิ่มเลือดตามหลอดเลือดต่างๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์กไม่ได้ระบุว่า เกิดจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นขั้นตอนตามปกติเมื่อพบอาการไม่พึงประสงค์ คือชะลอการฉีดและไปสืบค้นหาสาเหตุ
ขณะเดียวกัน 6 ประเทศในยุโรป ก็ประกาศหยุดการใช้ แต่เป็นการประกาศชะลอเพื่อความปลอดภัย เพื่อรอผลการสืบค้นของเดนมาร์ก และรอผลตรวจสอบจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ European Medicines Agency (EMA) ซึ่งเมื่อวาน (11 มี.ค.64) EMA ได้ประกาศยืนยันว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกายังปลอดภัย และไม่ได้ประกาศให้หยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา แต่จะไปสืบค้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งวัคซีนที่แอสตราเซเนกาส่งให้ประเทศทางยุโรป เป็นคนละแหล่งผลิตกับที่ส่งให้กับประเทศไทยและในเอเชีย และยังไม่เคยมีรายงานว่าเกิดอาการลิ่มเลือดจากวัคซีนตัวใด แต่เนื่องจากวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนใหม่ จึงต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า อาการลิ่มเลือดนั้น เกิดขึ้นได้ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ขึ้นเครื่องบินแล้วไม่ค่อยได้ขยับตัวหรือไม่ค่อยดื่มน้ำ ทำให้เกิดลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ แล้วบางครั้งหลุดไปอุดตันในปอด ทำให้เลือดไหลกลับเข้าไปปอดไม่ได้ บางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาการนี้พบในกลุ่มคนเชื้อชาติแอฟริกันและยุโรปมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า และมีปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในยามปกติ
เเละได้ยกตัวอย่างการฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ในนอร์เวย์ ที่คนเสียชีวิตหลังรับวัคซีนถึง 28 คน แต่ต่อมาพบว่าส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุ อายุมากกว่า 80 ปี ในสถานที่พักคนชรา เมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ก็ฉีดวัคซีนได้ตามปกติ ดังนั้นการชะลอให้วัคซีนแอสตราเซเนกา ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนไม่ดี หรือมีปัญหา แต่เป็นการชะลอเพื่อรอผลตรวจสอบให้ชัดเจน รวมทั้งวัคซีนแอสตราเซเนกาในยุโรปนั้น เป็นส่วนที่ผลิตในยุโรป ส่วนของไทยผลิตในเอเชีย รวมทั้งไทยไม่ใช่ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการชะลอฉีดออกไปก่อนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนั้น จึงควรชะลอออกไปก่อน ไม่ใช่ยุติการฉีด
ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ระบุว่า เห็นด้วยกับการชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เพราะยังมีรายงานอาการไม่พึงประสงค์ ดังนั้นควรรอการตรวจสอบสอบให้ชัดเจนก่อน เพื่อความปลอดภัยกับประชาชน
ในส่วนของ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แม้จะชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา แต่การฉีดวัคซีนของซิโนแวคยังเดินหน้าตามปกติ โดยจะทยอยฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนที่วางไว้
ชมคลิปเเถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข