ภาพสุดสะเทือนใจ หนูน้อยก้มกราบเท้าพ่อ ลาเป็นครั้งสุดท้าย

22 มีนาคม 2564

ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ปรากฎเรื่องราวชีวิตของเด็กชายวัย10ขวบสุดน่าสงสาร ต้องมาสูญเสียพ่ออย่างกะทันหัน ภาพเศร้าก้มกราบเท้า กราบลาพ่อเป็นครั้งสุดท้าย จากนึ้ต่อไปน้องต้องอยู่ตัวคนเดียว

กรณีเรื่องราวอันสุดสะเทือนใจที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ใช้เฟซบุครายหนึ่งโพสต์ข้อความ “จากวันนี้ไปไม่มีพ่ออีกแล้ว พ่อที่เคยไปส่งโรงเรียน พ่อที่เคยเป็นเพื่อนเล่น นายมานพ แซ่บุ้น อายุ 51 ปี เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด  ซึ่งนายมานพเป็นพ่อของน้องชัยวุฒิ ทิอ่อน อายุ 10 ขวบ น้องได้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดประชุมคงคาราม ต.วัดป่า อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ ดังในคลิปแรกที่เพื่อนๆพี่ๆได้เห็นคือน้องพึ่งได้ทราบว่าพ่อของน้องเสียแล้วโดยน้องไม่ได้ร้องไห้แต่อย่างใด 

แต่ที่ทราบข้อมูลมาน้องมีแม่อยู่ต่างจังหวัดและพี่สาว แม่แยกทางกับพ่อตั้งแต่ตอนยังเล็ก แม่ของน้องก็เอาพี่สาวของน้องไปด้วย แยกไปมีครอบครัวใหม่ ทราบข่าวมาว่าแม่ของน้องได้ถูกต้องโทษขังอยู่ในเรือนจำ "ไม่ทราบคดี" ซึ่งก่อนพ่อน้องจะเสียชีวิต น้องก็ได้อาศัยอยู่กับพ่อที่บ้านเช่าหลังโรงเรียนหยกฟ้า ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ต่อจากนี้น้องก็เหมือนตัวคนเดียว แต่ที่ยังมีหวังมีกำลังใจเพราะเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกันเค้าดูแลอยู่เหมือนลูกหลาน เพราะน้องเป็นคนนิสัยดีมาก กินง่ายอยู่ง่าย พูดเพราะ

 


 ทั้งนี้ ทางทีมงานกู้ภัยกกไทรได้รับร่างไร้วิญญาณของพ่อน้องจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพื่อที่จะนำมาฝังไว้ที่สุสานสมาคมกกไทร ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก เพราะน้องไม่มีญาติอยู่ใกล้ๆเลย ปู่ย่า ตายายได้ข้อมูลมาว่า ก็เสียกันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องทำการแจ้งตายให้กับพ่อของน้อง ผอ.กองสวัสดิการของเทศบาลเมืองหล่มสักเป็นผู้มาดำเนินการ ร่วมถึงพิธีการฝังร่างพ่อของน้องโดยพี่อ้อยสัปเหร่อแต่งหน้าศพ คณะครูโรงเรียนวัดประชุมคงคารามร่วมพิธี จากสายตาที่เด็กน้อยไร้เดียงสา ทำให้หลายคนถึงกับต้องจุกและพูดไม่ออก บางคนน้ำตาคลอ บางคนก็ทำใจไม่ได้ที่ได้รับรู้เรื่องราว” จึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนวัดประชุมคงคาพบ ด.ช.ชัยวุฒิ ทิอ่อน หรือ น้องเบส อายุ 10 ขวบ

ภาพสุดสะเทือนใจ หนูน้อยก้มกราบเท้าพ่อ ลาเป็นครั้งสุดท้าย

 

โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าแม่กับพ่อแยกทางกันตั้งแต่ตนยังเด็ก จึงอยู่กับพ่อที่มีอาชีพรับจ้างทั่ว ๆ ไป โดยอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อไม่นานมานี้พ่อได้ป่วยและเข้าทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยระหว่างที่พ่อป่วยนั้นตนเองก็ไปอาศัยอยู่กับคนข้าง ๆ เลี้ยงและดูแลเหมือนกับเป็นลูกคนหนึ่ง เมื่อพ่อเสียชีวิตแล้วตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป สำหรับความใฝ่ฝันเมื่อโตขึ้นอยากจะเป็นนักบินอวกาศ

ด้าน นางสาวิตรี บุญเกิดกูล อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านที่ให้การดูแลน้องเบส เปิดเผยว่า ตนเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเช่านี้ประมาณ 3 ปีแล้ว และได้เห็นน้องเบสวิ่งเล่นอยู่แถวนี้จึงรู้สึกเอ็นดูเพราะน้องเบสเป็นเด็กที่กิริยามารยาทดีมาก ว่านอนสอนง่าย อีกทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของตนเอง ซึ่งอายุ 11 ขวบกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนเดียวกัน กระทั่งพ่อน้องเบสป่วยเข้าโรงพยาบาล จึงให้น้องเบสมานอนกับลูกชายตนเองที่บ้าน

 

ภาพสุดสะเทือนใจ หนูน้อยก้มกราบเท้าพ่อ ลาเป็นครั้งสุดท้าย

กระทั่งพ่อน้องเบสเสียชีวิตตนก็ยังให้น้องเบสมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยตนและครอบครัว ต่างก็รักน้องเบสทุกคน ที่ผ่านมาตนดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร และเงินใช้จ่าย โดยให้ไปโรงเรียนวันละ 20 บาท น้องเบสจะใช้จ่ายอย่างประหยัดมากโดยจะเอาไปออมกับคุณครู 10 บาท ซื้อขนมกิน 5 บาท เหลือ 5 บาทก็นำมาหยอดกระปุกออมสินที่บ้าน หลังจากนี้หากน้องเบสไม่มีญาติหรือใครดูแล ตนกับครอบครัวจะขอดูแลจนกว่าน้องจะจบชั้น ป.6 หรือจนกว่าน้องเบสจะมีผู้อุปการะ เพราะตอนนี้ตนรักเหมือนลูกคนหนึ่งเช่นกัน

 สำหรับผู้ใจบุญท่านใดต้องการที่จะช่วยเหลือน้องเบสสามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนโดยตรงได้ที่ 086-6805875, 081-9811687  

ขอบคุณ
นิติพงษ์ ศรีสุวรรณ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดเพชรบูรณ์

 

อ่านข่าวต้นฉบับ