กรณีเรื่องราวอันสุดสะเทือนใจที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ใช้เฟซบุครายหนึ่งโพสต์ข้อความ “จากวันนี้ไปไม่มีพ่ออีกแล้ว พ่อที่เคยไปส่งโรงเรียน พ่อที่เคยเป็นเพื่อนเล่น นายมานพ แซ่บุ้น อายุ 51 ปี เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งนายมานพเป็นพ่อของน้องชัยวุฒิ ทิอ่อน อายุ 10 ขวบ น้องได้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดประชุมคงคาราม ต.วัดป่า อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ ดังในคลิปแรกที่เพื่อนๆพี่ๆได้เห็นคือน้องพึ่งได้ทราบว่าพ่อของน้องเสียแล้วโดยน้องไม่ได้ร้องไห้แต่อย่างใด
แต่ที่ทราบข้อมูลมาน้องมีแม่อยู่ต่างจังหวัดและพี่สาว แม่แยกทางกับพ่อตั้งแต่ตอนยังเล็ก แม่ของน้องก็เอาพี่สาวของน้องไปด้วย แยกไปมีครอบครัวใหม่ ทราบข่าวมาว่าแม่ของน้องได้ถูกต้องโทษขังอยู่ในเรือนจำ "ไม่ทราบคดี" ซึ่งก่อนพ่อน้องจะเสียชีวิต น้องก็ได้อาศัยอยู่กับพ่อที่บ้านเช่าหลังโรงเรียนหยกฟ้า ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ต่อจากนี้น้องก็เหมือนตัวคนเดียว แต่ที่ยังมีหวังมีกำลังใจเพราะเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกันเค้าดูแลอยู่เหมือนลูกหลาน เพราะน้องเป็นคนนิสัยดีมาก กินง่ายอยู่ง่าย พูดเพราะ
ทั้งนี้ ทางทีมงานกู้ภัยกกไทรได้รับร่างไร้วิญญาณของพ่อน้องจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพื่อที่จะนำมาฝังไว้ที่สุสานสมาคมกกไทร ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก เพราะน้องไม่มีญาติอยู่ใกล้ๆเลย ปู่ย่า ตายายได้ข้อมูลมาว่า ก็เสียกันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องทำการแจ้งตายให้กับพ่อของน้อง ผอ.กองสวัสดิการของเทศบาลเมืองหล่มสักเป็นผู้มาดำเนินการ ร่วมถึงพิธีการฝังร่างพ่อของน้องโดยพี่อ้อยสัปเหร่อแต่งหน้าศพ คณะครูโรงเรียนวัดประชุมคงคารามร่วมพิธี จากสายตาที่เด็กน้อยไร้เดียงสา ทำให้หลายคนถึงกับต้องจุกและพูดไม่ออก บางคนน้ำตาคลอ บางคนก็ทำใจไม่ได้ที่ได้รับรู้เรื่องราว” จึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนวัดประชุมคงคาพบ ด.ช.ชัยวุฒิ ทิอ่อน หรือ น้องเบส อายุ 10 ขวบ
โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าแม่กับพ่อแยกทางกันตั้งแต่ตนยังเด็ก จึงอยู่กับพ่อที่มีอาชีพรับจ้างทั่ว ๆ ไป โดยอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อไม่นานมานี้พ่อได้ป่วยและเข้าทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยระหว่างที่พ่อป่วยนั้นตนเองก็ไปอาศัยอยู่กับคนข้าง ๆ เลี้ยงและดูแลเหมือนกับเป็นลูกคนหนึ่ง เมื่อพ่อเสียชีวิตแล้วตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป สำหรับความใฝ่ฝันเมื่อโตขึ้นอยากจะเป็นนักบินอวกาศ
ด้าน นางสาวิตรี บุญเกิดกูล อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านที่ให้การดูแลน้องเบส เปิดเผยว่า ตนเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเช่านี้ประมาณ 3 ปีแล้ว และได้เห็นน้องเบสวิ่งเล่นอยู่แถวนี้จึงรู้สึกเอ็นดูเพราะน้องเบสเป็นเด็กที่กิริยามารยาทดีมาก ว่านอนสอนง่าย อีกทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของตนเอง ซึ่งอายุ 11 ขวบกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนเดียวกัน กระทั่งพ่อน้องเบสป่วยเข้าโรงพยาบาล จึงให้น้องเบสมานอนกับลูกชายตนเองที่บ้าน
กระทั่งพ่อน้องเบสเสียชีวิตตนก็ยังให้น้องเบสมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยตนและครอบครัว ต่างก็รักน้องเบสทุกคน ที่ผ่านมาตนดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร และเงินใช้จ่าย โดยให้ไปโรงเรียนวันละ 20 บาท น้องเบสจะใช้จ่ายอย่างประหยัดมากโดยจะเอาไปออมกับคุณครู 10 บาท ซื้อขนมกิน 5 บาท เหลือ 5 บาทก็นำมาหยอดกระปุกออมสินที่บ้าน หลังจากนี้หากน้องเบสไม่มีญาติหรือใครดูแล ตนกับครอบครัวจะขอดูแลจนกว่าน้องจะจบชั้น ป.6 หรือจนกว่าน้องเบสจะมีผู้อุปการะ เพราะตอนนี้ตนรักเหมือนลูกคนหนึ่งเช่นกัน
สำหรับผู้ใจบุญท่านใดต้องการที่จะช่วยเหลือน้องเบสสามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนโดยตรงได้ที่ 086-6805875, 081-9811687
ขอบคุณ
นิติพงษ์ ศรีสุวรรณ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดเพชรบูรณ์