อีกหนึ่งในตำนานนักร้องเสียงดีที่เคยฮอตฮิตติดลมบนที่สุดในสามโลก สำหรับ นักร้องสาวตาดำดำ “พั้นช์ วรกาญจน์” ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยขึ้นไปอยู่ในทำเนียบนักร้องตัวแม่ ที่งานทัวร์คอนเสิร์ตแน่นๆจุกๆ ล่าสุดหวนกลับมาจับไมค์ทวงตำแหน่งนักร้องคนคุณภาพอีกครั้ง “สาวพั้นช์” เลยขอมาอัปเดตเปิดใจทุกเรื่องราวผ่านรายการ z story ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง34 กับสามพิธีกรสีสันสุดจี๊ด “ดีเจอ๋อง เขมรัชต์, ฮารุ สุประกอบ” และ “หมอก้อง สรวิขญ์” รวมไปถึงย้อนเล่าวันวานยังหวานอยู่ในอดีต ที่เคยโด่งดังจนกวาดความนิยมทั้งงานเพลง งานโฆษณา งานละคร และ ภาพยนตร์
ย้อนไปถึงช่วงที่ฮอตทำงานเยอะขนาดไหน?
“ย้อนไปตอนนั้น ช่วงที่ออกอัลบั้ม1-2 มันเดินสายเยอะมาก ขึ้นเหนือล่องใต้ คือไปทั่วประเทศ มันทำงานไม่หยุดเลย แล้วแต่ก่อนเราร้องเพลงตอนกลางคืน ในผับในบาร์ซักส่วนใหญ่ แล้วในร้านเค้ายังมีสูบบุหรี่กันอยู่ แล้วเราก็สูดควันทุกวันๆจากลูกค้าในร้าน กลับมาบ้านก็มีกลิ่นติดตัวมาตลอด คือกลับมาก็มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวมาหมดเลย”
แล้วหนักสุดเคยแบบว่าต้องแอทมิท หาหมอบ้างไหม?
“ตัวพั้นช์เองไม่ค่อยเท่าไร แต่จะมีพี่ทุกวง ที่เขาเป็นแบคสเตจที่เขาเหนื่อยกว่าเรามากกว่า มาก่อนกลับหลังเรา เขาไปก่อนทุกงาน แล้วต้องเก็บของอีก มีอยู่วันนึงทำงานอยู่ เขาก็หงายหลังหลงไปเลย เป็นแบบอาการหนักเลย ที่หนักสุดของพั้นช์ก็แอดมิท ของพั้นช์เนี้ย เป็นหนองในคอ คือมันใช้เสียงเยอะ หายใจไม่ทัน อาการมาจากการสูดอาการจากในผับในบาร์ที่เราทำงานทุกวัน ด้วยเสียง ด้วยอากาศที่มีเชื้อโรค ก็เลยต้องแอทมิทกันไป จนเรามานั่งคิดว่าชีวิตเรามันคงต้องบาลานซ์ชีวิต”
หลังจากนั้นจัดการตัวเอง บาลานซ์ชีวิตยังไงบ้าง?
“ตอนนั้นคือไม่หยุดเลยในการทำงาน เหมือนเป็นช่วงที่เรามีไฟอะนะ มันก็ยังวัยรุ่นอยู่ มีแรงไปได้หมดเลยอะ เหมือนแบบว่าพอไม่ไหวก็พัก พอร่างกายดีขึ้นเราก็ลุกขึ้นมาทำใหม่ ไม่ได้หยุดการทำอัลบั้มเลย ทำเรื่อยๆเลย ตั้งอัลบั้ม1-7 อันนั้นคือที่ทำคนเดียวเดี่ยวๆนะ แต่มีพิเศษไปแจมกับพี่พลพลอีก คืองานเยอะมาตลอด ทั้งงานหนัง งานละคร งานโฆษณาเราทำมาหมดแล้ว”