เพจดังเผย ยิ่งออกกำลังกายหนัก ไม่ได้แปลว่ายิ่งแข็งแรงเสมอไป

25 มีนาคม 2564

เพจดังเผย ยิ่งออกกำลังกายหนัก ไม่ได้แปลว่ายิ่งแข็งแรงเสมอไป พอเห็นข่าวเกี่ยวกับนักวิ่งที่ดูแข็งแรง บางคนมีกล้ามเป็นมัดๆ แต่พอลงวิ่งมาราธอนจู่ๆก็มาเกิดเหตุหมดสติหรือเสียชีวิตกรณีแบบนี้หลายๆครั้ง

จากกรณีชายวัย 56 ปี ล้มตึงกลางสนามแบดมินตัน ทั้งที่ออกกำลังกายประจำ ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนรักสุขภาพมาก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ล้มตึงกลางสนามแบดมินตัน หัวฟาดพื้น เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เกิดกระแสว่าทำไมคนที่ออกกำลังกายทุกวัน และร่างกายที่แข็งแรงแบบนั้นจึงจากไปเร็วขนาดนี้

 

เพจดังเผย ยิ่งออกกำลังกายหนัก ไม่ได้แปลว่ายิ่งแข็งแรงเสมอไป

 

ล่าสุดทางด้านเพจดัง ได้ออกมาเผยว่า วันก่อนเพื่อนส่งข่าวนี้มาให้ดู เนื้อข่าวเกี่ยวกับคุณหมอที่ร่างกายดูแข็งแรงดี แต่ไปวิ่งมาราธอนแล้วเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตเข้า ก่อนอื่นหมอเวรต้องขอแสดงความเสียกับญาติของอาจารย์ท่านด้วยอย่างสุดซึ้ง

พอเห็นข่าวเกี่ยวกับนักวิ่งที่ดูแข็งแรง บางคนมีกล้ามเป็นมัดๆ แต่พอลงวิ่งมาราธอนจู่ๆก็มาเกิดเหตุหมดสติหรือเสียชีวิตกรณีแบบนี้หลายๆครั้งเข้า ก็อยากออกมาเตือนอะไรซักหน่อย ที่เห็นเรามีกล้ามกันแบบดูภายนอกว่าแข็งแรงเนี่ย บางคนอาจมีไขมันสะสมในหลอดเลือดกันได้ด้วยนะ ถ้านึกไม่ออกก็อารมณ์ประมาณตะไคร่ที่เกาะอยู่ตามสายยางใสๆอ่ะ ไขมันเวลามันเกาะหลอดเลือด หน้าตามันจะประมาณนั้นแหละ
 

ตอนใช้ชีวิตปกติก็ไม่มีอะไรหรอก ไขมันมันก็ฝังอยู่ตรงผนังหลอดเลือดปกติดี แต่พอเราเริ่มออกกำลังกายหนักๆ หรืออย่างไปวิ่งมาราธอนจริงจังเนี่ยทำให้เลือดลมเราจะสูบฉีดเต็มที่ พอความดันโลหิตสูงขึ้น พวกไขมันที่เกาะตามหลอดเลือดก็สามารถหลุดออกมาปะปนในเลือดของเราได้ด้วย ประหนึ่งตะไคร่ตามสายยางก็หลุดออกมาได้เวลาเราเปิดน้ำแรงๆนั่นแหละ

พอไขมันมันหลุดออกมา มันก็จะไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญต่างๆ แถมเวลาไขมันหลุดออกจากหลอดเลือดมันมักจะมีเลือดออกใต้แผ่นไขมันที่เกาะอยู่ยิ่งทำให้เกิดลิ่มเลือดและเศษไขมันไปอุดหลอดเลือดส่วนปลายได้มากขึ้นไปอีก 

- ถ้าแจ๊คพ็อตไปอุดตรงเส้นเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจพอดี ก็จะเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดนำไปสู่ภาวะหัวใจวายและหัวใจหยุดเต้นในที่สุด 

- หากไปอุดตันบริเวณเส้นเลือดที่คอ ถ้ามันหลุดแล้วมันจะลอยไปอุดเส้นเลือดในสมอง พอสมองขาดเลือดก็เสี่ยงพิการหรืออาจเสียชีวิตได้เลย
 

เพจดังเผย ยิ่งออกกำลังกายหนัก ไม่ได้แปลว่ายิ่งแข็งแรงเสมอไป

 

ฉะนั้นเพื่อลดความเสี่ยงลง ก็ควรแวะมาตรวจสุขภาพกันด้วย บางครั้งเราก็ลืมไปว่าร่างกายเราก็มีขีดจำกัดบางอย่างที่มองไม่เห็นจากภายนอกซ่อนอยู่ สมมุติว่าร่างกายเราเป็นรถคลาสสิคเก่าๆซักคันนึง ไม่เคยเอาไปเข้าศูนย์ ไม่เคยตรวจเช็คระยะอะไรเลย แต่คุณก็ยังสามารถขับรถไปใช้งานได้ตามปกติ หากจู่ๆวันนึงคุณครึ้มอกครึ้มใจ อยากเอารถคลาสสิคคันนี้ไปลงแข่งกับพวก Supercar คิดว่ารถคุณจะสามารถแข่งจนจบรอบ โดยที่เครื่องไม่พังก่อนได้ไหม ? นั่นแหละ ร่างกายของเราเวลาเอาไปใช้ออกกำลังกายหนักๆอย่างมาราธอนก็เช่นกัน 

ดังนั้นหากรู้ตัวว่าร่างกายจะต้องเจอศึกหนักแน่ ก็ควรหาเวลาเอาร่างกายไปเข้าศูนย์เช็คสภาพก่อน ซึ่งการเช็คความฟิตสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็เทสกันด้วยเครื่อง CPET นี่แหละ อย่างพี่ตูนก็ต้องเทสก่อนจะวิ่งเบตงแม่สายเพื่อดูว่าร่างกายวิ่งด้วยขีดจำกัดแค่ไหน ต้องวิ่งที่เพซเท่าไหร่ถึงวิ่งจะไปได้ไกลที่สุด อารมณ์เหมือนเอารถยนต์ขึ้นเช็คไดโน่เทสนั่นแหละ เพียงแต่อันนี้เปลี่ยนเป็นเอาร่างกายมาขึ้นบนสายพานวิ่ง หรือเอามาปั่นจักรยานแล้ววัดค่าการใช้งานออกซิเจนนั่นเอง เทสกัน 15 นาทีก็เสร็จแล้วไวมากๆ

แถมเจ้าเครื่อง CPET เนี่ย ยังสามารถดูแนวโน้มพัฒนาการในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของตนได้อีกด้วย ว่าต้องออกกำลังกายที่รอบเท่าไหร่ ถึงจะฟิตได้มากขึ้น ซึ่งหากซ้อมเองแบบไม่รู้เรื่อง บางครั้งนอกจากจะไม่ฟิตขึ้นแล้ว เผลอๆร่างกายอาจจะทรุดโทรมลงกว่าเดิมได้ด้วยนา อันนี้สายวิ่งทั้งหลายต้องระวังกันด้วยเน้อ

ขอบคุณที่มา : หมอเวร