เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เมืองทองธานี พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.,นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และ พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.1 บก.ปปป.ร่วมแถลงการจับกุม นายสุรเดช อัคราช อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.มุกดาหาร และน.ส.กชพรรณ แสงวิรุณ หรือ น.ส.ทิพย์เกษร แสงวิรุณทร อายุ 27 ปี จากการเรียกรับสินบนเป็นเงิน 2 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกการคืนของกลางไม้พะยูง จับกุมได้ที่ร้านกาแฟใกล้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.มุกดาหาร พร้อมของกลางเงินสด 2 ล้านบาท และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า คดีเริ่มจากเมื่อปี 2549 ตำรวจป่าไม้ได้ตรวจยึดไม้พะยูง 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ตรวจสอบพบว่าไม้ดังกล่าวถูกสวมเป็นไม้ต่างแดน และใช้เอกสารผ่านแดนเป็นเอกสารปลอม
จึงจับกุมฐานมีไม้และครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีการดำเนินคดีใช้เอกสารปลอมที่ จ.มุกดาหาร ส่วนคดียึดไม้ อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาจึงสั่งให้คืนไม้ของกลางกับบริษัทผู้เสียหาย แต่เนื่องจากเป็นไม้ของประเทศลาว จึงมีผู้แจ้งสิทธิ์จากลาวเข้ามาหลายราย
พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ กล่าวว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายคำสะไหว พมมะจัน อายุ 51 ปี นักค้าไม้ชาวลาว เป็นตัวแทนบริษัทพงษ์สวรรค์ วู๊ดอินดัสตี้ อ้างเป็นเจ้าของสิทธิ์ไม้พะยูงดังกล่าว มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีนายสุรเดช ที่ติดต่อผู้เสียหายเพื่อขอรับเงิน 2 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินการส่งคืนไม้ และนายสุรเดช นัดรับเงินที่ จ.มุกดาหาร
ผู้เสียหายจึงแจ้งชุดจับกุม ร่วมกันนำเงินสด 2 ล้านบาท ทำตำหนิไว้บนธนบัตร ใส่ถุงพลาสติกหูหิ้วนำไปให้นายสุรเดช ตามสถานที่นัดหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์กระทั่งพบนายสุรเดช พูดคุยกับผู้เสียหายก่อนจะเรียก น.ส.กชพรรณ เข้าไปรับเงินจากผู้เสียหายที่จอดรถรออยู่หน้าร้านกาแฟ ตำรวจจึงแสดงตัวจับกุม
จากการสอบสวนนายสุรเดช ให้การปฏิเสธ ส่วน น.ส.กชพรรณ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายสุรเดช ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบด้วยหน้าที่ฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ส่วน น.ส.กชพรรณ แจ้งข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเพื่อประโยชน์โดยมิชอบฯ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ด้าน นายชีวะภาพ ชีวะธรรมรองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า หลังศาลสั่งให้คืนไม้แก่บริษัท บก.ปทส.จึงประสานกรมป่าไม้ที่เป็นหน่วยงานร่วมตรวจยึด ส่งตัวแทนไปเป็นพยานการส่งคืนไม้ แต่มีผู้อ้างสิทธิ์เข้ามาจนมีการทุจริตดังกล่าว ทั้งนี้ ปลัดกระทรวง ทส.ได้สั่งให้ดำเนินการถึงที่สุดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในระดับใดก็ตาม โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งมีโทษร้ายแรงสุดอาจถึงขั้นให้ออกจากราชการ