กลายเป็นเรื่องดราม่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เมื่อโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อสอบของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้ตั้งคำถาม "อะไรที่สำคัญที่สุดของการเดินทางโดยเรือ" น้องนักเรียนได้บอกข้อ ก.เสื้อชูชีพ แต่คุณครูกลับให้ผิด และเฉลยต้องฝึกว่ายน้ำให้เป็น ซึ่งไม่ตรงกับตามหลักสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จนกลายเป็นวิจารณ์อย่างมาก
โดยเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 เพจเฟซบุ๊ก "Panya Society" โดยอาจารย์บอย ได้มีการพูดถึงเหตุการณ์นี้โดยระบุว่า "ข้อสอบ ม.2 ที่เด็กต่างพูดตรงกันว่า "ตรรกะพินาศ" "หนูตอบผิด หรือ ครูเฉลยผิด?!?" เรื่องราวที่เป็นประเด็นเช้านี้คือ เมื่อมีผู้ใช้ twitter ท่านหนึ่ง post ข้อสอบสุขศึกษาของน้อง ม. 2 พร้อมเฉลยที่หลายเสียงสื่อสารตรงกันว่า 'ตรรกะบ้ง' มาดูดีกว่า ว่ามันตลกตรงไหนบ้าง หรือผิดพลาดในจุดใด
1. ตัวข้อสอบถามว่า "สิ่งที่จำเป็นในการเดินทางโดยเรือ" เด็กมองว่าคือ 'เสื้อชูชีพ' เพราะว่า ไม่ว่าจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ยังไงทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ แต่ปรากฏว่าเฉลยของครู ให้เหตุผลว่า ทักษะที่ต้องมีคือว่ายน้ำเป็นต่างหากที่เป็นพื้นฐาน แต่เด็กก็ถกเถียงกลับเช่นกันว่า "แล้วทำไม ไม่ว่าใครก็ตามจะว่ายน้ำเป็นเรือไม่เป็น สิ่งแรกที่เวลาลงเรือต้องได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ คือ การสวมเสื้อชูชีพล่ะ?" เสื้อชูชีพไม่ใช่สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดของคนเดินเรือทุกคนหรอกหรือ? และถ้าคิดตรรกะเทียบเคียงง่ายๆ ถ้าคุณว่ายน้ำไม่เป็น แบบนี้ก็คงไม่ต้องเดินเรือไหม เพราะครูเฉลยแบบนี้ ดังนั้น ต่อให้ว่ายน้ำไม่เป็น เสื้อชูชีพควรมาก่อนทักษะว่ายน้ำ ไม่ใช่การบังคับให้ทุกคนว่ายน้ำได้ โดยที่ไม่มีเสื้อชูชีพ คำว่า 'อะไรสำคัญที่สุด' ของครูกับเด็กในข้อนี้ ไม่ตรงกันซะแล้ว (มีคำอธิบายเฉลยโจทย์ในช่อง comment จากคุณครูด้วยครับผม ตามลงไปอ่านได้ครับ)
2. ส่วนอีกข้อหนึ่ง "การสื่อสารที่เร็วที่สุดในการขอความช่วยเหลือ" ครูให้ตอบโทรสาร แต่เด็กตอบตะโกน เห็นเต็มๆว่า มีคำตอบชุดหนึ่งที่ล้าหลัง ยุคนี้ สมัยนี้กำลังจะจมน้ำ หรือมีโจรผู้ร้าย ยังต้องส่ง fax!!!! ขออนุญาตงงครับ มีคนตายก่อนแน่นอนจากการช่วยเหลือที่เร็วที่สุดนี้
3. เราเห็นข้อสอบแบบนี้ เรามีคำถามเลยนะว่า "ทุกวันนี้ครูเฉลยข้อสอบ เฉลยโจทย์ให้เด็กถูกต้องรึเปล่า?" แล้วพวกเขาเรียน หรือจดจำวิชาความรู้อะไรกันอยู่ แล้วถ้าครูสอนผิดๆไปล่ะ เฉลยมั่วๆไปล่ะ เด็กๆกำลังจดจำอะไร?
4. เมื่อตรรกะของการเฉลยของครู กับชุดตรรกะของเด็กเป็นคนละชุดกัน ครูต้องอธิบายให้เด็กยอมรับได้ ไม่งั้นเขาจะต่อต้านชุดความรู้ที่ครูมอบให้ และไม่เชื่อมุมมอง และความรู้ที่ครูสอนอีกต่อไป ครูต้องตอบในสิ่งที่เด็กถามให้เคลียร์จริงๆ เด็กจึงจะเรียนรู้ได้อย่างสบายใจว่า ทุกคำถามของเขามีคำตอบให้เขาได้จริง
5. อย่าห้ามเด็กตั้งคำถาม อย่าห้ามเด็กสงสัย ให้โอกาสเด็กที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่พวกเขาเจอตรงหน้า และให้เขาได้มีความเห็น และมุมมองกับสิ่งรอบตัว อย่ามองว่าเด็กสมัยนี้ดราม่า หรือชอบทำตัวมีปัญหา แต่ให้มองว่า ถ้าปัญหาอยู่ตรงหน้า แล้วเขาไม่ตั้งคำถาม สังคมและประเทศชาติ จะพัฒนา ก้าวหน้าไปจากความรู้ชุดเดิมได้อย่างไร?
6. จงเชื่ออย่างหนึ่งครับว่า "เป็นครู ก็บ้งได้ ผิดได้ พลาดได้ และก็รับฟังเสียงของลูกศิษย์ได้เสมอ" อย่าเอาวัยวุฒิ คุณวุฒิตัวเองมาข่ม หรือมายืนยันกับเด็กว่าฉันต้องถูกเสมอ เพราะพระพุทธเจ้าก็สอนหลักกาลามสูตร 10 ประการ "ครู" เองก็ผิดได้ อย่าเชื่อเพียงเพราะผู้รู้นั้นบอกมา แต่ให้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วจึงเชื่อ จึงเห็นว่าถูก ครูพลาดก็บอกว่าพลาด ยอมรับ และทำให้ถูกต้องได้เสมอครับ ไม่ได้เสียเกียรติของความเป็นครูลงไปเลย และทำให้ครูดูน่ารัก ที่รับฟังและพร้อมเปลี่ยนแปลงสู่ตรรกะที่ถูกต้องเพื่อพวกเขาด้วยครับ
เอ...เด็กทุกวันนี้ เขาเรียนรู้ ในชุดความรู้ที่ถูกต้อง ทันสมัย และเป็นตรรกะที่เป็นประโยชน์กับเขา ที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมจริงๆหรือเปล่านะ?!? อย่าว่าแต่เด็กงงเฉลยจากครู เราว่าผู้ใหญ่หลายคนก็งงครับ
ในขณะเดียวกันนี้เอง ทางด้านคุณครูได้อธิบายถึงเหตุผลในการเฉลยข้อสอบว่าต้องตอบ ข. (ฝึกว่ายน้ำให้เป็น) ทั้งที่ ก. (สวมเสื้อชูชีพ) ก็ถูก เพราะสิ่งที่สำคัญคือการฝึกว่ายน้ำให้เป็นนั้นเป็นการฝึกทักษะความปลอดภัยให้มากขึ้น จึงต้องตอบข้อนี้ ถ้าปฏิบัติร่วมกันทั้งข้อ ข. และ ก. ก็จะยิ่งทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าด้านชาวเน็ตกลับให้ความเห็นโต้แย้งว่า "ต่อให้ว่ายน้ำเป็น ก็ยังจำเป็นที่จะต้องสวมเสื้อชูชีพและทักษะก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมี จึงไม่ใช่พื้นฐานที่สำคัญที่สุด และหากเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาแล้วว่ายน้ำไม่ได้ เสื้อชูชีพก็จะสามารถช่วยชีวิตเราได้ แม้เราจะว่ายน้ำไม่ได้"
ขอบคุณ FB : Panya Society