ยังคงเป็นคดีที่อยู่ในสายตาของมหาชน กับกรณีที่ลูกสาวได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้เป็นแม่ เนื่องจากแม่ของเธอถูก แก๊งเมียหลวงรุมทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ทว่าฝั่งคู่กรณีก็ยังให้การปฏิเสธ พร้อมทั้งจะขอสู้ในชั้นศาล แม้ว่าด้านผู้เสียหายจะนำหลักฐานออกมาแฉ แต่ดูเหมือนว่าคดีนี้จะยังมองไม่เห็นจุดจบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Piyatida Boonkit ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทที่เกิดเหตุได้ชี้แจงเพราะไม่อยากให้สื่อและใครหลายๆ คนเข้าใจผิดและมาโจมตีตนกับครอบครัว
โดยเธอเริ่มเข้าเรื่องว่า "เราเป็นลูกเจ้าของรีสอร์ต อยู่ในที่เกิดเหตุวันนั้นแต่ไม่ได้ออกไปดู (ติดธุระนั่งสังเกตการณ์ผ่านห้องกระจก) เรารับรู้ทุกอย่างครบถ้วนจากแม่ เลยขอพูดแทนนะ มาจนถึงตอนนี้ เราโดนกระแสตีกลับว่า รีสอร์ตโกหก รับสินบนเป็นแสนๆ เป็นพรรคพวกเกรงกลัวอำนาจเมียหลวง และสถานที่ไม่มีความปลอดภัย ตกเป็นเหยื่อสังคนโดนด่า ครหาเสียๆหายๆ
เราขอชี้แจงก่อนเลยว่า ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรับรู้การมีตัวตน ไม่เคยมีการเจรจารับเงิน และไม่เกรงกลัวอำนาจเมียหลวงใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่กล่าวหาว่ารีสอร์ตไม่มีความปลอดภัย ที่พักทั่วประเทศย่อมรู้ดี ว่าหน้าที่ของรีสอร์ต คือการอำนวยความสะดวกที่พักให้เท่านั้น ไม่มีหน้าที่เฝ้าระวังอะไรให้ใคร เราไม่มีสิทธิ์และไม่เคยเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า
ในกรณีนี้ อย่างที่ทุกคนรู้ว่ามีการติดตั้งจีพีเอสตามตัว เมื่อมาถึงเมียหลวงก็ตะโกนใช้เสียงดังว่าไม่ต้องมาโกหกเลยนะ เห็นแล้วว่าอยู่ที่นี้ และออกเดินสำรวจจนเจอเอง เราจะไล่ก็ไม่ได้ เขาไม่ยอมเอาแต่พูดว่าจะต้องเห็นหน้าคนในห้องให้ได้ และที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าทางเราปกป้องเมียหลวง ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ค่ะ
และที่คนวิจารณ์ว่าทำไมไม่แจ้งตำรวจ คือตอนนั้นพอเปิดประตูเข้าไปเจอคนเจ็บนอนอยู่ เราก็คิดกันแค่ว่าต้องส่งโรงพยาบาล ฝั่งเมียหลวงก็ห้ามไว้และบอกว่าจะส่งลูกสาวไปตามญาติมา อ้างว่ารู้จักกัน แต่หลังจากออกไปตาม ก็โทรกลับมาว่าเข้าใจผิด บ้านที่ไปไม่ใช่บ้านคนเจ็บ แม่เราเลยโทรเรียกกู้ภัยค่ะ
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแม่เราช่วยทำลายหลักฐาน คือพวกคุณต้องเข้าใจว่า ตามปกติแล้ว ทางรีสอร์ตเผาทำลายขยะทุกวัน เสื้อในถูกทิ้งไว้ในถังขยะ เราจึงเผาทิ้ง นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่มีคนมาทำแบบนี้ในที่ของเรา ส่วนเรื่องเสื้อผ้าในท่อน้ำ ที่พวกคุณเห็นว่าแม่เรามองอยู่แต่บอกว่าไม่รู้เรื่อง
คืออยากให้คุณไปย้อนมองดู ในมือถือแม่เราคุยโทรศัพท์กับพี่สาวเราอยู่และในขณะเดียวกันก็คุยกับลูกเขยเมียหลวงอยู่ด้วย ส่วนอีกสามคน เขาก็ชุลมุนวุ่นวาย มีการมุงกันตลอดอยู่แล้ว เหตุการวันนั้น ญาติผู้เสียชีวิตได้เข้ามาดูสถานที่เราก็ได้เล่าไปตามจริงทั้งหมด ไปให้ปากคำกับตำรวจ ให้ภาพวงจรปิดไปทั้งหมดแล้ว
และเรื่องก็เงียบเกือบเดือนไม่มีใครมาพูดถึงเรื่องนี้อีกกับเรา เราต้องยอมรับ ว่าลืมเรื่องเสื้อในท่อไป แต่ถ้าเราช่วยเมียหลวงปกปิดจริง เขาคงไม่ไปพูดในสื่อ และคงทำลายทิ้งไปแล้วค่ะ ทุกคนต้องเข้าใจด้วยว่าทางเราก็ต้องใช้ชีวิตของเราต่อไป มีเรื่องวุ่นวายของตัวเองที่ต้องสะสาง จึงไม่ได้ใส่ใจและจดจำ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นและเรามองว่ามันไม่ได้มีการกระทำเกินกว่าเหตุ
คนเริ่มเรื่องไม่ได้หนีไปไหน ลูกๆ เขาทุกคนอยู่ในอาการสงบตั้งแต่ต้นจนจบห้ามปรามแม่ตลอดเท่านั้นค่ะ ที่แม่เราสัมผัสมา ภาพวงจรปิดชี้ชัดแล้วด้วยว่าไม่มีการนำอาวุธเข้าไปในห้องจริงๆ เราจอชี้แจงแค่นั้นนะคะ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรามองว่า มันจะไม่บานปลายขนาดนี้ ถ้าสื่อหลักที่ทำข่าว นำเสนอข่าวตามหลักความเป็นจริง สืบสาวรอผลชันสูตรให้มันแน่ชัดก่อนที่จะโหมกระแส
และไม่นำเสนอข้อสงสัยโดยไม่มีการตามต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัดก่อนแบบนี้ พวกคุณเป็นสื่อหลัก คุณย่อมรู้ดีว่าการที่คุณประกาศข่าวออกไป มันจะส่งผลกระทบกับคนที่คุณกล่าวถึง และมีข่าวช่องนึงนำภาพไปอ้าง ว่าเป็นภาพที่ได้มาจากแม่เรา ซึ่งแม่เราไม่ได้ถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น เราทักท้วงไปตั้งแต่วันแรก มีการอ้างว่าอ่านผิดและแจ้งผู้ประกาศแล้ว
แต่วันต่อมาก็ยังมีการพูดแบบเดิมอีก ถึงประเด็นมันจะไม่ร้ายแรง แต่มันส่อถึงประสิทธิภาพการทำงานของพวกคุณ เรามองว่าคุณเล่าข่าวมั่วนะคะใ ประเด็นนี้ ไม่เป็นมืออาชีพและไม่ค่อยมีจรรยาบรรณค่ะ มันมีประเด็นของวันแรก เรื่องการรุมทำร้ายที่นักข่าวมาถามเรา ทางเราก็พูดไปว่าเราไม่เห็น เห็นแต่การห้ามปราม และได้เน้นย้ำและแนบไฟล์ภาพช็อตที่ลูกสาวเมียหลวงกระชากไม้ทิ้งเพื่อยืนยันว่าห้ามปราม
แต่ข่าววันนั้นกลับมีการใช้ไฟล์ภาพนั้นไปนำเสนอข้อสงสัยว่าลูกสาวเขาหยิบอะไรออกมาจากรถไปทำร้ายรึปล่าว คือเราเข้าใจค่ะ สื่อมีสิทธิ์นำเสนอและตั้งข้อสงสัย แต่ก่อนที่จะสงสัย คุณควรนำเสนอความจริงให้ครบก่อนรึปล่าวคะ เพราะการนำเสนอแบบนั้น มันเป็นคนการชักจูงให้คนสงสัยผิดประเด็นเหมือนคุณกันหมด
มาวันนี้คุณจะให้เราชี้แจงมันก็ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่เรื่องที่ผิด คือคุณผิดที่เสนอฝั่งเดียวไปตั้งแต่แรก คุณจะบอกว่าคุณทำหน้าที่เฉยๆมันก็ถูกค่ะ แต่ทำบกพร่องรึปล่าวคะ เหตุการณ์วุ่นวายมันเกิดขึ้นแล้ว คุณจะลบมันไปด้วยแอร์ไทม์สั้นๆเพื่อเรตติ้งไม่ได้หรอกนะคะ
สุดท้ายนี้เราอยากจะฝากถึงคนที่เสพข่าวแบบหน้ามืดตามัว ฟังความฝ่ายเดียวและตัดสินเราไปแล้วลองพิจารณานะคะ เคยมีคนมาคอมเม้นว่าทำไมเมียหลวงทำตัวเป็นศาลเตี้ย ตัดสินทำร้ายเขาแบบนั้น พวกคุณย้อนมองตัวเองนะคะ พวกคุณก็ตัดสินเรารวมถึงทีมกู้ภัย ว่าโกหก เพียงเพราะเรื่องราวมันไม่ร้ายแรงอย่างที่พวกคุณอยากจะให้เป็น พวกคุณยังอยากด่าเราทั้งที่ๆ เราให้ความร่วมมือ เรื่องที่เหลือเชื่อ
แต่ถ้ามันคือเรื่องจริง คุณก็ควรเคารพนะคะ คุณควรฟังพวกเรารึปล่าว พวกเราคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์นะ ไม่ใช่ชาวบ้านและลูกสาวเขา ฝากถึงญาติผู้เสียชีวิตนะคะ เราเสียใจด้วยมากๆ ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ
แต่มีอะไรก็ถามเราค่ะ การถามผ่านสื่อแบบนี้ เรื่องมันคงไม่ดีขึ้น มีแต่เรตติ้งของข่าวเท่านั้นแหละค่ะที่จะดี ฝากไว้ให้คิดเท่านี้ ขอบคุณถ้าอ่านจบนะคะ ถ้าหลังจากนี้ยังมีคนมากล่าวหามั่วๆ เรายืนยันนะคะ ว่าเราจะไม่นิ่งเฉยแล้วค่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบค่ะ
ข้อเพิ่มเติม วันนั้นมีการชำระค่าผ้าขนหนูสองผืนกับค่าพังประตูเป็นจำนวน 1,000 บาท และไม่มีการรับเงินอะไรอีกเลย"