พ่อร่ำไห้กัดนิ้วตัวเอง ใช้เหนี่ยวไกปลิดชีพลูกชาย เห็นเงาดำตะคุ่มๆคิดว่าเป็นหมูป่า

06 เมษายน 2564

เหตุการณ์สุดเศร้า 2พ่อลูกเข้าป่าไปหาของป่าล่าสัตว์ ที่ป่าเเม่เเปงจ.เเพร่ เเยกกันเดินคนละเส้นทาง ผู้เป็นพ่อเห็นเงาดำตะคุ่มๆนึกว่าเป็นหมูป่า ซุ่มมองอยู่นานจนเเน่ใจ คว้าลูกซองลั่นไก สุดท้ายกลายเป็นลูกชายตัวเอง

 เหตุการณ์ที่จังหวัดเเพร่  มีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตในป่าแม่แปง บ้านอ้ายลิ่ม หมู่ 5 ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง  เป็นรายของ นายสุริยงค์ เรือนเต็ม ซึ่งได้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และทนพิษบาดเเผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นมีการสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายแสวง เรือนเต็ม ผู้เป็นพ่อเเท้ๆ  โดย2พ่อลูกได้เข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ ก่อนจะแยกเดินคนละเส้นทาง เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา
 


 โดยบรรยากาศงานศพของ นายสุริยงค์ เรือนแจ่ม อายุ 39 ปี เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งนายแสวง เรือนเต็ม อายุ66ปีผู้เป็นพ่อ ยังคงร่ำไห้เสียใจที่พลั้งลงมือไปและพยายามจะกัดมือตัวเอง เพราะเป็นมือที่ใช้ลั่นไกปลิดชีพลูกชายเเท้ๆ ซึ่งบรรดาญาติๆเเละครอบครัวต้องมาคอยดูเเลอย่างใกล้ชิด

พ่อร่ำไห้กัดนิ้วตัวเอง ใช้เหนี่ยวไกปลิดชีพลูกชาย เห็นเงาดำตะคุ่มๆคิดว่าเป็นหมูป่า

เนื่องจาก นายแสวง ได้พยายามขอโทษภรรยา พร้อมเปรยว่าจะคิดสั้นลาโลกชดใช้ความผิด อยากให้ลูกเป็นคนยิงพ่อ ไม่ใช่พ่อยิงลูกแบบนี้ พ่อไม่ได้เจตนา อโหสิกรรมให้ด้วย
 

  ซึ่งนายแสวง เรือนเต็ม ผู้เป็นพ่อ เล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุ ลูกชายชวนไปหาของป่า จึงเข้าป่าตั้งแต่เช้า เนื่องจากเป็นช่วงที่ฝนตกมักจะมีสัตว์ป่าออกมาให้เห็น โดยแยกกันเดินคนละเส้นทาง แล้วนัดเจอกันยังจุดนัดพบ ช่วงเกิดเหตุเห็นหัวดำๆ ตะคุ่มๆ เหมือนหมูป่า เเต่ก็ยังไม่มั่นใจ ต้องมองถึง 3 รอบตาเริ่มพร่า เเละเอาน้ำในขวดมาล้างตา จนมั่นใจว่าเป็นหมูป่าแน่นอน

พ่อร่ำไห้กัดนิ้วตัวเอง ใช้เหนี่ยวไกปลิดชีพลูกชาย เห็นเงาดำตะคุ่มๆคิดว่าเป็นหมูป่า

  ตนจึงตัดสินใจคว้าลูกซองลั่นไกออกไป แต่กลับได้ยินเสียงลูกชายตะโกนว่า...ยิงผมทำไม จึงเข้าไปดูพบว่าที่เห็นเป็นหมูป่าตัวดำๆ เเท้จริงเป็นลูกชาย ขณะนั้นลูกชายยังมีสติ จึงเอายาดมให้ดม พร้อมกับโทรศัพท์หาเพื่อนในหมู่บ้านให้เรียกคนมาช่วย  แต่ไม่นานลูกชายก็สิ้นใจ รู้สึกเสียใจมาก ยังทำใจไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัว ทั้งนี้ นายสุริยงค์ ผู้เสียชีวิต มีภรรยา เเละลูกสาว1คนวัย12ปี กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 

 

ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี