เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณี นางสาวทิพย์รัตน์ แสงใส ได้กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 151,760 บาท และได้ชำระหนี้กยศ. ตามคำพิพากษา จำนวน 201,646 บาท ครบถ้วนแล้ว แต่ กยศ. ไม่ได้ถอนการบังคับคดี ทำให้กรมบังคับคดี ได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินและบ้านของลูกหนี้ โดยมีบุคคลภายนอกซื้อไป ในราคา 1,650,000 บาท
และผู้ซื้อทรัพย์มีหนังสือให้ลูกหนี้ และบิดามารดาออกจากที่ดินและบ้าน ทำให้ลูก ฃหนี้ ได้รับความเสียหาย ซึ่งต่อมา ลูกหนี้ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก กยศ. แต่ กยศ. แจ้งว่า เป็นความผิดพลาดของลูกหนี้ ไม่ไปยื่นขอถอนการบังคับคดี จึงไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้
นางสาวทิพย์รัตน์ แสงใส จึงได้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ต่อมา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 สมาคมทนายความฯ ได้ยื่นฟ้อ ง ค ดีแพ่ง กับ กยศ. กับพวก ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ พ.312/2564 เพื่อให้ กยศ. ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านคืนให้กับ นางสาวทิพย์รัตน์ฯ และเรียกค่าเสียหาย ซึ่งศาลแพ่ง นัดชี้สองสถานในวันที่ 17 พฤษภาคม 2564
หลังจากยื่นฟ้องคดี แล้ว กยศ. ได้แสดงความรับผิดชอบ และเยียวยาความเสียหายให้กับลูกหนี้ โดยได้ดำเนินการซื้อที่ดินและบ้านคืนจากผู้ซื้อทรัพย์ ในราคา 2,500,000 บาท แล้วโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านให้กับนางสาวทิพย์รัตน์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564
จากนั้นวันที่ 16 มีนาคม 2564 สมาคมทนายความฯ จึงได้ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องคดีแพ่งดังกล่าว โดยศาลแพ่งมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง และสมาคมทนายความฯ ได้ดำเนินการให้ลูกหนี้ได้รับเงินค่าธรรมเนียมที่ศาลสั่งคืนเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 68,100 บาทด้วย ข้อพิพาทในคดีแพ่งดังกล่าวจึงยุติแล้ว
ถือเป็นกรณีศึกษาสำหรับลูกหนี้ กยศ. และเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า เมื่อเป็นหนี้ต้องมีวินัยทางการเงินในการชำระหนี้ที่ตนเองก่อขึ้น และเมื่อชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้แล้วก็ต้องติดตามตรวจสอบเก็บหลักฐานการชำระหนี้ไว้ และหากเกิดข้อพิพาททางคดีแล้วก็ต้องติดตามกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายต่างๆ ให้ครบถ้วนและใช้สิทธิตามกฎหมายให้ถูกต้อง
ขอบคุณ สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย