วันที่ 28 เม.ย. 2564 มีรายงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.โส.ภณรัช สิงหจาร แพทย์ใหญ่ (สบ.8) โรงพยาบาลตํารวจ และพล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม. ได้เปิดเผยการดําเนินงานของ ตร. ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยสรุปชี้แจงกรณีปรากฏกระแสข่าวทางสังคมออนไลน์ ประเด็น เศรษฐีอินเดียจํานวนมากแห่เดินทางมารักษา โควิด-19 ในประเทศไทย
ทางเจ้าหน้าที่เผยว่าการคัดกรองคนไทยและคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกระบวนการจะเริ่มตั้งแต่ก่อนการเดินทาง โดย สถานทูตไทยจะคัดกรองก่อน สถานทูตไทยในประเทศต้นทาง จะตรวจสอบก่อนว่าคนต่างชาตินั้น ได้ผ่านการรับรองการตรวจเชื้อ โควิด มาก่อน โดยต้องมีเอกสารยื่นกับสถานทูต ดังนี้
1)ผลการตรวจแลปโควิค PCR test มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง (COVID FREE) เพื่อยืนยันว่า ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19
2)ต้องมีประกันกรณีติดเชื้อโควิด ภายหลัง ทุนประกัน วงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
จากนั้น สถานทูตจึงจะออกใบรับรองให้เดินทางเข้าไทย หรือ COE (Certificate of Entry) ซึ่งจะมีข้อมูล สถานที่ State Quarantine ในไทยระบุไว้ สําหรับแสดงเมื่อเดินทางเข้าไทยด้วย แต่คนต่างชาตินั้น ต้องอยู่ในเงื่อนไข VISA ที่รัฐบาลอนุญาตด้วย เช่น VISA ประเภททูต เจ้าหน้าที่รัฐ ทําธุรกิจ มีครอบครัวไทย มีถิ่นที่อยู่ใน ไทย รวมถึงกรณีที่รัฐบาลโดย ศบค. อนุญาตภายใต้ข้อตกลงพิเศษเช่น กลุ่มนักลงทุน เป็นต้น
ส่วนกรณีเจ็บป่วย ด้วยโรคอื่นที่ไม่ใช่การติดเชื้อ โควิด-19 เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ สามารถขอ VISA เข้า ไทยได้เพื่อรักษาพยาบาล และเข้ารับการรักษา แบบ HQ หรือ AQ ที่ โรงพยาบาลที่รักษา ซึ่งต้องมีหนังสือรับรองจากรพ.ประเทศต้นทาง (กรณีมารักษาตัว)
โดยกลุ่มคนเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาล อยู่ในกลุ่มคน ลําดับ ที่ 10 ตามข้อกําหนด ฉบับที่ 12 และ 13 ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คําสั่ง ศบค.ที่ 4/2564 ลง 31 มี.ค. 2564
ในส่วนภารกิจของ ตม. ที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ช่วยเหลือด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ในการช่วยตรวจคัดกรอง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเข้าประเทศ โดยจะตรวจเอกสารที่ สถานทูตออกให้ หรือ COE อีกครั้ง โดย ตม. จะดูเงื่อนไข VISA ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และ ตามที่ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ กําหนด หากผิดเงื่อนไข ก็ปฏิเสธการเข้าเมืองคนต่างชาติต้องเดินทางกลับ
โดยการเข้าประเทศตามเงื่อนไข พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ของสัญชาติอินเดีย ตั้งแต่ วันที่ 1-20 เม.ย 64 แยกเป็น
1. เข้ามาทํางาน 426 ราย
2. เข้ามาภายใต้ข้อตกลงพิเศษ 110 ราย เป็นกลุ่ม นักลงทุน นักธุรกิจ เป็นต้น.
3. มีคู่สมรส บิดามารดาหรือบุตรของคนไทย จํานวน 30 ราย
4.นักเรียนนักศกึษาตลอดจนบิดามารดาของบุคคลดังกล่าวจํานวน 16 ราย
5. มีถิ่นที่อยู่ในไทยตลอดจนคู่สมรสและบุตร จํานวน 10 คน
6. คณะทูต ผู้แทนรัฐบาล จํานวน 8 คน
7. รักษาพยาบาล โรคที่ไม่ใช่ โควิด-19 ในประเทศไทยและผู้ติดตาม จํานวน 2 คน
สําหรับลําดับสัญชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1-20 เม.ย. 64 เรียงตามลําดับจากมากสุด ไปน้อย อินเดียจะอยู่ลําดับที่ 7 คือ
1. ไทย จํานวน 7,176 ราย
2. จีน จํานวน 2,148 ราย
3. ญี่ปุ่น จํานวน 1,700 ราย
4. สหรัฐอเมริกา จํานวน 1,153 ราย 5. อังกฤษ จํานวน 617 ราย
6. เยอรมัน จํานวน 608 ราย
7. อินเดีย จํานวน 602 คน
สตม. จึงขอเรียนให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดําเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทําให้เกิดความเสียหายต่อ ภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงาน ตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือที่หมายเลข โทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th