28 เมย.64 นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา และ พลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงมาตรการของการเตรียมยกระดับการควบคุมและเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดยะลา
ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดยะลา มีการพบแพร่ระบาดใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเบตง และอำเภอกรงปินัง ซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดยะลาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับมาตรการ ซึ่งมาตรการที่ดีที่สุดคือการชะลอหรือหยุดการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อไม่ให้นำเชื้อไปแพร่ตามที่ต่างๆ ดังนั้นการยกระดับมาตรการต้องทำพร้อมกันในทุกด้าน
ทั้งการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในพื้นที่ การตั้งด่านรอยต่อระหว่างจังหวัด และการเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00น.-04.00น. โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1-18 พฤษภาคม 2564
ขณะที่นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า สถานการณ์ของโรค ณ ปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 4 ราย ทำให้สะสมอยู่ที่ 39 ราย ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสอบสวนโรคและคัดกรองเชิงรุกที่อำเภอกรงปินัง การระบาดขณะนี้อยู่ในวงที่ 2 คือกลุ่มของผู้สัมผัส ซึ่งวงที่ 1 จะเป็นกลุ่มของคนที่เดินทางกลับมาจากช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมาเข้ามาแล้วเกิดการแพร่เชื้อกับในครอบครัว ส่วนที่อำเภอเบตง จะเป็นวงที่ 3 คือ เริ่มกระจายออกไปในชุมชน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือจะต้องพยายามเคลียร์ภายในจังหวัดให้เร็วที่สุด เพื่อจะนำคนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ระบบให้ได้มากและเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิต โดยขณะนี้เราพบผู้ป่วยที่เด็กที่มีอายุเพียง 4 ขวบ เป็นเด็กพิการที่อยู่กับบ้านและรับเชื้อมาจากพ่อแม่ที่นำมาจากข้างนอก ต้องมีมาตรการส่วนบุคคลที่เข้มแข็ง ทั้งการสวมหน้ากากและมาตรการที่ทางจังหวัดได้ออกประกาศไว้เพื่อจะช่วยกันป้องกันเมือง
ทางด้านพลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ระบุว่า ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องมีการจับกุมผู้ไม่สวมหน้ากากในขณะที่อยู่ในที่สาธารณะ โดยในห่วงที่ผ่านมามีการจับกุมไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4 ราย ในอำเภอเมือง 2 ราย
ซึ่งได้ส่งฟ้องศาลจังหวัดยะลาไปแล้ว และได้พิพากษาลงโทษปรับรายละ 2,000 บาทส่วนที่อำเภอยะรม ได้มีการดำเนินคดีเช่นกันส่งฟ้องศาลศาลและลงโทษปรับรายละ 1,000 บาท ส่วนมาตรการการเข้า-ออกจังหวัดก่อนเข้าเมืองยะลาจะมีการให้สแกนคิวอาร์โค้ดตั้งแต่งก่อนเข้าด่านและจะมีการลงรายละเอียดต่างๆก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมือง โดยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ที่จะร่วมกันใน 11 ด่านซึ่งจะมีความเข้มงวดและเข้มข้นขึ้น และมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานนั้น ก็จะเป็นการลดโอกาสที่จะลดการนำเชื้อเข้าไปสู่ครอบครัว
ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านถือปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดยะลาที่จะมีการออกได้ประกาศ ซึ่งหากมีการกระทำความผิด ทางตำรวจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อคนส่วนรวม
ที่มา
ข่าวสวทยะลา