ตามหา "อู๊ด" หนุ่มไทยหายตัวที่ไต้หวัน 14 ปีก่อน ครอบครัวถึงกับบินไปตามหา

04 พฤษภาคม 2564

ตามหา "อู๊ด" หนุ่มไทยหายตัวที่ไต้หวัน 14 ปีก่อน ครอบครัวถึงขั้นบินไปตามหาแต่ไม่พบ เผยก่อนหายกำลังจะได้กลับบ้านเนื่องจากป่วยหนัก แต่ก่อนวันกลับเพียงวันเดียว อู๊ด ได้เดินหายไปจากที่พักและไม่กลับมาอีกเลย

ครอบครัวสร้างเพจตามหาคนหายชื่อ อู๊ด โดยไปทำงานที่ไต้หวันก่อนหายตัวไปกว่า 14 ปี ครอบครัวเคยเดินทางไปตามหาที่ไต้หวันแต่ก็ไม่พบ ทุกวันนี้เวลาทำบุญก็จะนึกถึงเขาอยู่เสมอ และยังคงหวังว่าจะได้เบาะแสคืบหน้าบ้าง โดยเพจเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้เรียบเรียงเรื่องราวของเขาเอาไว้ในเพจเนื่องในวันแรงงาน ระบุว่า
 

เรียบเรียงจากบันทึกการตามน้องชาย ในเพจ "ตามอู๊ดกลับบ้าน" เล่าโดยพี่สาวชื่อคุณแดง มยุรี ตามหาน้องชายชื่อ ประสิทธิ์ สมอินทร์ หรือ อู๊ด เล่าว่า คุณพ่อเคยโทรบอกเขา ให้เอามือกำดินขึ้นมา แล้วอธิษฐาน ขอให้แม่พระธรณีปกปักรักษาลูกด้วยเถิดตอนนั้นเขาทำงานก่อสร้างในอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินที่ประเทศไต้หวัน  เขาต้องทำ OT โดยการยืนเฝ้ายาม โดยคนหนึ่งเฝ้าด้านบน อีกคนลงไปเฝ้าด้านล่าง คิดดูว่าน่าเป็นห่วงขนาดไหน

เขาเป็นน้องคนเล็ก เขามีปัญหาด้านการเรียนมาตั้งแต่มัธยมเลยเรียนน้อยที่สุด จบ ม.6 จาก ก.ศ.น. ด้วยความที่ไม่ชอบค้าขายทั้งๆที่บ้านที่ต่างจังหวัด สามารถค้าขาย หรือเปิดร้านค้าอะไรได้ แต่เขาก็ไม่อยากทำ เขาถนัดงานแนวช่างมากกว่า เพราะได้ไปเรียนที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพมาด้วย 

เขาเคยทำงานก่อสร้างกับบริษัทก่อสร้างชื่อดัง แต่เนื่องจากงานค่อนข้างเสี่ยง พ่อแม่เป็นห่วง เลยขอให้ลาออกไปทำงานโรงงานที่นิคมอมตะนครกับพี่ชาย  ชีวิตเขาเคยลำบากมาหลายครั้งไม่ว่าทำงานก่อสร้าง หรือแม้แต่ไปเป็นทหาร 2 ปี เพราะจับใบแดงได้

จุดที่ทำให้เขาต้องไปทำงานเมืองนอก คือมีญาติไปทำงานที่ไต้หวันและได้เงินเดือนค่อนข้างจะดี เป็นงานโรงงานเหมือนทำในไทย ความเป็นอยู่ก็ไม่ลำบากมาก เขาเลยอยากลองไปบ้างเผื่อจะได้เก็บเงินซักก้อน อายุก็ยังน้อยครอบครัวก็ไม่มีเลยตัดสินใจได้ง่าย

 

ตามหา \"อู๊ด\" หนุ่มไทยหายตัวที่ไต้หวัน 14 ปีก่อน ครอบครัวถึงกับบินไปตามหา

ครั้งแรกที่ไปก็ผ่านนายหน้าเสียเงินไป 140,000 บาท ไปทำแรกๆก็ดีเป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วนอะไรซักอย่าง เงินเดือนดี เพราะมีโอทีเยอะด้วย เขาส่งเงินให้แม่เก็บได้เดือนละ สองหมื่นห้าพันบาท แต่อยู่ได้ประมาณ 1 ปี โรงงานก็ยุบ เลยถูกส่งไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเงินเดือนน้อยมาก ส่งกลับบ้านไม่ถึงหมื่น เขาเลยอยากกลับมาไทยก่อน

กลับมาพักที่บ้านได้ไม่กี่เดือน ก็หาทางไปอีกเพราะยังอยากไปทำงานเก็บเงินเพิ่มแต่รอบนี้พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ไป เพราะกลัวถูกหลอกเหมือนกับหลานที่ไปแล้วได้งานไม่ดีอย่างที่บริษัทอ้าง รอบนี้น้องชายต้องจ่ายให้นายหน้าตั้ง 150,000 บาท นายหน้าอ้างว่าเป็นงานดี เงินเดือนดี ไม่ได้ทำงานหนัก บอกจะให้ไปขับรถเจาะดิน น้องชายก็เลยขอไป ทั้งที่เราคัดค้านมากแทบจะทะเลาะกัน  สุดท้ายเขาก็ไปทำงานที่ไต้หวันรอบที่สอง โดยไปทำงานก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน

ก่อนเขาจะไปทำงานที่ไต้หวัน  ถึงเขาจะมีรายได้น้อย เขาก็ไม่เคยรบกวนพี่ๆเลย นอกเสียจากพี่จะให้เขาเอง ที่สำคัญเขารู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ถึงเขาจะมีเงินน้อยเขาต้องให้พ่อแม่บ้าง เขาภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้ให้ แม้แต่พี่ๆเองยังเคยหยิบยืมเงินเขาประจำ เขาไม่เคยหวงพี่น้องเลย 

ขณะเขาทำงานที่ไต้หวัน วันที่ 7 ธันวาคม 2550 ทางบ้านได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชาวไทยว่าเขาป่วยหนัก มีอาการอ่อนเพลียเหม่อลอย ไม่ยอมพูดจากับใคร ไม่กินข้าวไม่ดื่มน้ำ เพื่อนๆต้องช่วยกันดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ จนล่ามได้พาไปหาหมอ 2 ครั้ง แต่อาการยังไม่ดีขึ้นหลังจากทางบ้านได้รับโทรศัพท์ ก็แจ้งให้ล่ามช่วยดำเนินการประสานกับนายจ้าง ให้เขากลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะกลับได้ประมาณวันที่ 11 ธันวาคม

กระทั่ง วันที่ 10 ธันวาคม 2550 ตอนเย็น เขาได้หายตัวไปจากแคมป์คนงาน ในสภาพเดินหายไปโดยไม่สวมรองเท้า เพื่อนๆแรงงานไทยและล่ามช่วยกันค้นหาแต่ก็ไม่พบตัวเขาอีกเลย  ครอบครัวเราเคยเดินทางไปตามหาเขาถึงประเทศไต้หวัน แต่ไม่พบเบาะแสใดๆ ทุกวันนี้ เวลาทำบุญ จะระลึกถึงเขาเสมอ ด้วยแรงอธิฐานขอให้เขายังอยู่รอดปลอดภัย มีความทรงจำกลับคืนและกลับมาหาครอบครัวเหมือนเดิม

แด่วันแรงงานและแรงงานที่หายไป ประกาศตามหาน้องชายหายที่ไต้หวัน นายประสิทธิ์ สมอินทร์ (ชื่อเล่น อู๊ด) อายุขณะหาย 28 ปี ส่วนสูง 180 ซ.ม. น้ำหนัก 80 ก.ก. ภูมิลำเนา จังหวัดหนองบัวลำภู เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550  ตำแหน่งคนงานก่อสร้างทางรถไฟฟ้าใต้ดิน เมืองTAI PEI หายไปจากบ้านพักคนงานไทย เลขที่ 169 Chung-kang south road, Tai-san shian, Taipei county, Taiwan เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2550

แจ้งเบาะแส มูลนิธิกระจกเงา โทร 0807752673

 

ตามหา \"อู๊ด\" หนุ่มไทยหายตัวที่ไต้หวัน 14 ปีก่อน ครอบครัวถึงกับบินไปตามหา

(ภาพครอบครัวไปตามหาที่ไต้หวัน)

 

ขอบคุณ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา